- ปรับปรุงล่าสุด 16/10/2023
ทุกคนรู้รึเปล่าว่าโอกาสที่จะเกิดริ้วรอยที่จะปรากฏบนในหน้าเป็นอันดับแรกๆ อย่างพวกเรามาจากส่วนไหนก่อน? คำตอบก็คือ.. “บริเวณรอบดวงตา” นั่นเอง ผิวบริเวณรอบดวงตาเป็นส่วนที่บอบบางมากๆ เมื่อเทียบกับผิวในบริเวณอื่นบนใบหน้าเลยนะทุกคน บริเวณรอบดวงตาเนี่ยสามารถดูบวมนูนขึ้นมาง่ายๆ หรือแม้แต่รอยคล้ำใต้ตา เพียงแค่เราเกิดอาการเหนื่อยล้าหรือเกิดความเครียดขึ้นมาก็สามารถเห็นได้ชัดเลยค่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเมื่อเราอายุมากขึ้น บริเวณรอบดวงตาก็มักจะมีอาการหมองคล้ำมากขึ้นไปอีก
นี่ถ้าใครเคยได้ยินมาว่าคนที่มีความสุขยิ้มแย้มจะหน้าเด็กนะ ไม่จริงนะบอกเลย ยิ่งคนที่ยิ้มมากๆ หัวเราะมากๆ ตีนกาขึ้นง่ายนะจ๊ะ ส่วนคนที่ชอบทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก็ไม่รอดค่าา ริ้วรอยมาตามบริเวณรอบดวงตาไม่ต่างกัน วันนี้จะมาพูดถึง 5 ประโยชน์ของอายครีม มันดียังไง แล้วเราควรเริ่มใช้ยังไงกันดีกว่าค่ะ
อายครีม (Eye cream) คืออะไร?
อายครีม หรือที่เราเรียกอีกอย่างว่า “ครีมบำรุงรอบดวงตา/ ครีมทาใต้ตา/ ครีมลดรอยคล้ำใต้ตา” เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทหนึ่งที่ผลิตขึ้นโดยเฉพาะสำหรับผิวบอบบางรอบดวงตา ผิวรอบดวงตาค่อนข้างที่จะที่ความบอบบางมากกว่าบริเวณอื่นบนใบหน้าของเรา อายครีมจึงถูกออกแบบว่าให้มีส่วนผสมที่จะช่วยให้ผิวที่มีปัญหาอย่างเช่น ริ้วรอย รอยย่น ความหมองคล้ำ และอาการบวม กลับมาเป็นปกติหรือจางลงค่ะ
และต้องเป็นส่วนผสมที่ไม่ระคายเคืองต่อผิว ปราศจากเคมี และน้ำหอม อายครีมจะมีเนื้อสัมผัสที่เบากว่าครีมทาหน้าทั่วไปแต่มีความเข้มข้มสูง ครีมบำรุงรอบดวงตาบางชนิดอาจมีส่วนผสมพิเศษ เช่น เปปไทด์ เรตินอล หรือกรดไฮยาลูโรนิก ที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาเฉพาะจุด ครีมบำรุงรอบดวงตามักจะใช้การแตะเบา ๆ ด้วยปลายนิ้วเพื่อหลีกเลี่ยงดึงผิวที่บอบบางรอบดวงตา
ทำไมเราถึงต้องใช้อายครีมกันนะ ??
ขอย้ำอีกครั้ง อายครีมไม่ใช่เพียงแค่มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ทั่วไปนะคะทุกคนน ส่วนประกอบของอายครีมถูกคิดค้นมาอย่างเฉพาะ คือ เนื้อครีมนี้จะสามารถบำรุงรอบดวงได้อย่างละเอียดอ่อนมากที่สุด ไม่เหมือนกับครีมที่ใช้บำรุงบริเวณส่วนอื่นๆ เพื่อที่จะช่วยดูแลในเรื่องของความชุ่มชื้น รอยหมองคล้ำ ริ้วรอยรอบดวงตาอย่างเป็นพิเศษนั่นเอง เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าเพราะอะไรเราควรที่จะต้องหันมาใช้อายครีม
1. ผิวบริเวณรอบดวงตามีความบอบบางมาก
ผิวรอบดวงตามีความบอบบางกว่าผิวส่วนอื่นๆของใบหน้า ซึ่งทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอย รอยย่น และความหมองคล้ำได้ง่าย คุณประโยชน์ของอายครีมและข้อดีของอายครีมนั้นจึงจะต้องมีสารสกัดจากธรรมชาติและปลอดภัยมากที่สุดสำหรับใช้ในบริเวณรอบดวงตา ข้อดีอีกอย่างคืออายครีมสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปกป้องบริเวณที่บอบบางได้เป็นอย่างดีค่ะ
การทำความสะอาดบริเวณรอบดวงตาก็มีผลอย่างมากต่อการบำรุงผิว หากเราใช้สำลีในการเช็ดๆ ถูๆ โดยลงน้ำหนักมือแรงเกินไปก็จะทำให้รอบดวงตาเราบอบช้ำได้ง่าย พี่รัศมีก็เป็นนะ แบบเวลาเหนื่อยๆ เราก็อยากรีบทำความสะอาดให้เสร็จไวๆ ซึ่งมันไม่ดีเลยใช่ไหมคะ ฉะนั้นแล้วการใช้อายครีมก็จะช่วยให้บริเวณรอบดวงตาของเราฟื้นฟูขึ้นมา และไม่หมองคล้ำนั่นเองค่ะ
2. อายุมากขึ้นอายครีมจึงมีความจำเป็นมากสำหรับผิว
เมื่อเราอายุมากขึ้น ผิวรอบดวงตาของเราจะเริ่มแสดงสัญญาณแห่งวัย เช่น ริ้วรอย ร่องลึก และรอยตีนกา ครีมบำรุงรอบดวงตา สามารถช่วยลดการผลิตคอลลาเจนและและทำให้ผิวตึงขึ้นและกระชับขึ้นค่ะ
3. ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
การสัมผัสกับแสงแดด มลภาวะ และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ สามารถทำลายผิวรอบดวงตาและทำให้เกิดรอยคล้ำและอาการบวมได้ ครีมบำรุงรอบดวงตาสามารถช่วยปกป้องผิวจากปัจจัยเหล่านี้และลดผลกระทบได้
4. ไลฟ์สไตล์ในการดูแลผิวรอบดวงตา
ทุกคนอาจจะเคยเห็นรอยคล้ำรอบดวงตาหลังจากปาร์ตี้มาทั้งคืน การใช้สายตาทำงานจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์มาอย่างหน่วงหน่วง หรือการต้องเดินผ่านแสงแดดร้อนจัดๆและควันฝุ่นอีกมากมายในเมือง การทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันของเรานี่แหละ ที่เป็นเหตุผลที่ทำให้ผิวรอบดวงตาของเราดูแก่กว่าวัย เริ่มดูหย่อนคล้อยหรือขาดความกระชับ รวมๆดูไม่กระจ่างใส พี่รัศมีรับไม่ด้ายย
ครีมบำรุงรอบดวงตายังสามารถช่วยเพิ่มลักษณะโดยรวมของบริเวณรอบดวงตาได้ด้วยการทำให้ผิวกระจ่างใสและเรียบเนียน ตัวอย่างเช่น ครีมบำรุงรอบดวงตาบางชนิดสมามารถสะท้อนแสงได้ จึงช่วยลดการปรากฏของรอยคล้ำและให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใส
5. ผิวรอบดวงตาสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย
เคยสังเกตมั้ยคะ เวลลาลงคอนซีลเลอร์หรือเมคอัพที่เราลงบริเวณใต้ตา แล้วจะเกิดอาการตกร่อง ไม่ติดทนนาน 8-12 ชั่วโมงตามที่โฆษณาไว้? นั่นก็เพราะว่ารอบดวงตาของเราขาดความชุ่มชื้นนั่นเอง อายครีมจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่จะช่วยคงความชุ่มชื้นระหว่างวัน
โดยในปัจจุบันอายครีมมักจะมาพร้อมเนื้อสัมผัสที่ซึมซับได้เร็วและหากว่าต้องการอายครีมที่ช่วยในเรื่องของความชุ่มช้น ก็ต้องมองหาที่มีส่วนผสมของ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid) จะช่วยกักเก็บน้ำได้ดีมาก ช่วยในเรื่องของความกระชับ และความกระจ่างใสไปในเวลาเดียวกัน แล้วก็จะทำให้ Finished look ของเรา สามารถอยู่ทนไปได้ทั้งวันแล้ว
5 ประโยชน์ของอายครีม (The benefits of eye cream)
พี่รัศมีขอเล่าให้ทุกคนเข้าใจเป็นประเด็นอย่างง่ายๆ ว่าอายครีมเป็นสิ่งที่คู่ควรกับพวกเราอย่างที่ขาดไม่ได้เลยล่ะ ตามมาดูกันเลย
1. อายครีมสามารถช่วยชะลอผิวหนังไม่ให้แก่ก่อนวัย
เพราะว่าอายครีมนั้นเต็มไปด้วยส่วนประกอบของ แอนตี้ออกซิแดนท์ (antioxidant) และ มอยซ์เจอร์ (moisture) ที่ทำให้ตาของเรายังคงดูอ่อนวัยลงแล้วดูชุ้มชื้นกว่าเดิมค่ะ
2. อายครีมช่วยลดการเกิดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
อายครีมจะช่วยบำรุงรอบดวงตาของเราด้วยความชุ่มชื้นและมีวิตามินที่ช่วยบำรุงเช่น พวก วิตามิน c หรือวิตามิน B3 ส่งผลให้ผิวรอบดวงตาของเราบรรเทาผิวที่ไม่เรียบเนียนและฟื้นฟูความแข็งแรงให้ผิวมากยิ่งขึ้น
3. ช่วยลดอาการรอบตาบวมและใต้ตาหย่อนคล้อยจากการพักผ่อนน้อย
อายุที่มากขึ้นหรือแม้แต่อาการภูมิแพ้เนี่ย จะทำให้รอยบริเวณตาของเราเห็นชัดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใต้ตาคล้ำหรือตาบวม ซึ่งเจ้าอายครีมประกอบไปด้วยสารที่มีประโยชน์หลายชนิดอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งช่วยในการปลอบประโลมผิวได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวดูแข็งแรงมากขึ้น เหมือนกับว่าได้นอนพักผ่อนมาอย่างเต็มที่
4. ช่วยลดความคล้ำรอบดวงตา
เรื่องนี้ต้องบอกเลยว่าเห็นผลแทบจะทันทีที่ได้ใช้ ยิ่งมีส่วนผสมของ วิตามินC ก็ยิ่งช่วยทำให้ผิวบริเวณที่ทากระจ่างใสขึ้น
5. ช่วยเตรียมผิวรอบดวงตาก่อนการแต่งหน้า
เมื่อเราทาอายครีมก่อนจะช่วยให้ ขั้นตอนการลงคอนซีลเลอร์และการแต่งตามีประสิทธิภาพติดทนนานมากยิ่งขึ้น เพราะอายครีมจะช่วยในการเติมร่องผิว เพิ่มความชุ่มชื้นและความละเอียดของผิวรอบดวงตาให้ดีมากยิ่งขึ้นก่อนการบำรุงขั้นต่อไปนั่นเอง
ส่วนผสมในอายครีมมีอะไรบ้าง (Eye cream Ingredients)
ซึ่งอายครีมที่ทุกคนมักจะพบเจอ มักจะมีสารต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการบำรุงรอบดวงตาเพราะบริเวณนั้นต้องการความชุ่มชื้นและอ่อนโยน ส่วนผสมส่วนใหญ่ต้องมีสารสกัดจากธรรมชาติ ที่สำคัญคือจะต้องช่วยเรื่องการเติมน้ำให้ผิวรอบดวงตาที่บอบบาง หรือผิวแพ้ง่าย ที่สามารถช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจน หรือการทำให้ผิวใต้ตากระจ่างใส เช่น ลดริ้วรอย ลดรอยคล้ำ ปรับสีผิว ขึ้นนั่นเองค่ะ
“กรดไฮยาลูโรนิก”
กรดไฮยาลูโรนิกที่ผสมในอายครีม เป็นโมเลกุลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในผิวหนังของเราอยู่แล้ว มีหน้าที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เป็นที่นิยมมากค่ะในการนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตา เพราะว่าเค้าสามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 1,000 เท่าของน้ำหนัก เมื่อทาเฉพาะที่ กรดไฮยาลูโรนิกสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เติมเต็มร่องลึกและช่วยลดริ้วรอยใต้ตา หรือริ้วรอยรอบดวงตาทั้หมด และปรับปรุงเนื้อสัมผัสของผิวใต้ตา ช่วยให้ผิวรอบดวงตาดูไม่เหี่ยวย่น
“เรตินอล”
เรตินอลเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินเอที่ช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง มีเนื้อครีมเข้มข้นซึ่งสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตาและรอยเหี่ยวย่นใต้ตาได้ดีขึ้นนอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุงพื้นผิวและโทนสีผิวโดยเพิ่มการผลัดเซลล์ให้รอบดวงตา ซึ่งสามารถช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและส่งเสริมการเติบโตของเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรง
“วิตามินซี”
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ก่อให้เกิดสัญญาณแห่งวัย เช่น ริ้วรอย ตีนกา นอกจากนั้น วิตามินซีสามารถช่วยให้ผิวกระจ่างใสและลดรอยคล้ำ โดยจะช่วยยับยั้งการผลิตเมลานินซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้ใต้ตาดูหมอง การใช้ครีมรอบดวงตาเป็นประจำทุกวันจะทำให้สีผิวใต้ตาหรือผิวรอบดวงตาให้ดูดีขึ้นและกลับมาดูสุขภาพดีอีกครั้ง
“คาเฟอีน”
คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นตามธรรมชาติมีความอ่อนโยนต่อผิวที่สามารถช่วยลดอาการบวมและการอักเสบในผิวหนัง ทำงานโดยการหดตัวของหลอดเลือดซึ่งเหมาะกับการนำมาใช้เพื่อลดอาการบวมของถุงใต้ตาและรอยคล้ำ
“เปปไทด์”
เปปไทด์เป็นสายโซ่สั้นของกรดอะมิโนที่สามารถช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและทำให้ผิวยืดหยุ่น ทำงานโดยกระตุ้นผิวให้ผลิตคอลลาเจนมากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น เหมาะกับการใช้เพื่อเพิ่มความกระชับของผิว
“เซราไมด์”
เซราไมด์เป็นไขมันตามธรรมชาติที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวและป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและอวบอิ่มซึ่งสามารถช่วยลดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นได้
“วิตามินบี 3”
วิตามินบี 3 หรืออีกชื่อที่เรียกว่า ไนอาซินาไมด์ เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเหมาะสำหรับช่วยลดการอักเสบในผิวหนัง นอกจากนี้ยังสามารถช่วยปรับปรุงพื้นผิวและโทนสีผิวโดยเพิ่มการผลิตเซราไมด์ ซึ่งสามารถช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวและป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น นอกจากนี้ ไนอาซินาไมด์ยังช่วยลดการเกิดรอยดำและจุดด่างแห่งวัย
“ชาเขียว”
ชาเขียวเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ชาเขียวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ให้ตาเรารู้สึกสดชื่นและทำให้ใต้ตาดูกระจ่างใสขึ้นจากสารคาดฟอีนในธรรมชาติ
“ว่านหางจระเข้”
ว่านหางจระเข้เป็นส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิวที่สามารถช่วยลดการอักเสบและการระคายเคืองรอบดวงตา นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยปกป้องผิวจากความเสียหาย
อย่างที่พี่รัศมีบอกไปว่า ผิวบริเวณรอบดวงตามีความบอบบางและอาจช้ำได้ง่าย การใช้ อายครีม (Eye Cream) การหลีกเลี่ยงแสงแดดและฝุ่นควัน เป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่จะช่วยให้ทุกคนหลีกเลี่ยงการดูแก่เกินกว่าวัย ซึ่งหลายคนก็อาจก็ได้เคยตั้งคำถามและคิดว่าการใช้อายครีมว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องแยกมาเป็นขั้นตอนในการดูแลผิวในชีวิตประจำวันของเรา คนส่วนมากจะใส่ใจมากกว่าในการใช้เซรั่มและครีมบำรุง มอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ต่างๆ จึงมองข้ามขั้นตอนในการใช้อายครีมนี้ไป เพราะคิดว่าเพียงแค่ใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ สามารถให้ความชุ่มชื้นได้ทั่วทั้งใบหน้าแล้ว
แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเพียงแค่มอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ไม่เพียงพอนะคะทุกคน เนื่องจากผิวบริเวณใต้ตาของเรานั้นบอบบางมากก เมื่อเทียบกับผิวส่วนอื่นของใบหน้า เราจึงต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อครีมที่บางเบาและถูกคิดค้นมาเพื่อบริเวณรอบดวงตาของเราโดยเฉพาะเท่านั้น
ส่งท้ายบทความ 5 ประโยชน์ของอายครีม
เมื่อเลือกครีมบำรุงรอบดวงตา สิ่งสำคัญคือต้องมองหาสูตรที่มีส่วนผสมที่เหมาะกับปัญหาและสภาพผิวของเราโดยเฉพาะ นอกจากนี้ก่อนตัดสินใจซื้อ ทุกคนควรทดสอบผลิตภัณฑ์บำรุงก่อนใช้นะคะ เพื่อป้องกันการแพ้และระคายเคืองนั่นเอง และใครที่อยากรู้ว่าเทคนิคการทาอายครีมควรทำยังไงให้เกิดประสิทธิภาพและซึมซับเข้าสู่ผิวได้ดีที่สุดก็ต้อง 3 เทคนิค สำหรับทาอายครีม ช่วยกู้ผิวรอบดวงตาให้กระจ่างใสขึ้น
รู้อะไรไม่เท่ารู้งี้.. ทุกคนคะ พี่รัศมีคิดว่าเรื่องรอบดวงตาเป็นอะไรที่สำคัญมากนะ เพราะคนเรามองหน้าก็ต้องมองที่ตาก่อนเป็นอันดับแรก แล้วถ้ามองปุ๊บ เห็นว่าตาหมองคล้ำไม่สดใส เธอนอนไม่พอรึเปล่า มันก็จะดูไม่น่าประทับใจใช่ไหมล่ะคะ พี่รัศมีอยากจะขอแนะนำให้ทุกคนเริ่มใช้อายครีม เพื่อดูแลผิวบริเวณรอบดวงตา ก่อนที่จะสายเกินไปนะทุกคน สำหรับใครที่เป็นมือใหม่หัดใช้ พี่รัศมีก็มีบทความ 3 เทคนิค สำหรับทาอายครีม ช่วยกู้ผิวรอบดวงตาให้กระจ่างใสขึ้น มาแนะนำลองซื้อครีมบำรุงผิวรอบดวงตาที่เราถูกใจมาซัก 1 ชิ้นแล้วลองทาตามคำแนะนำของพี่รัศมีได้เลยจ้า