- ปรับปรุงล่าสุด 16/10/2023
สาวๆหลายคนน่าจะรู้จัก ลิปทินท์ กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่ลิปสเตนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นชินใช่ไหมคะ หรือคนที่รู้อยู่แล้ว ก็อาจจะยังแยกไม่ค่อยออกระหว่าง ลิปทินท์กับลิปสเตน กันสักเท่าไหร่ เพราะลิปทินท์กับลิปสเตนนั้นมักถูกเข้าใจว่าเป็นลิปประเภทเดียวกัน บางครั้งก็ถูกเรียกชื่อสลับกันด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าลิปทั้ง 2 ประเภทนี้จะให้ผลลัพธ์ที่คล้ายๆกัน แต่จริงๆแล้วแตกต่างกันอย่างมากเลยค่ะ เค้าถึงแยกประเภทกันไปเลย โดยข้อแตกต่างหลักๆ คือเรื่องของความคมชัด และการติดทนนั่นเองค่ะ
วันนี้พี่รัศมีจะมาช่วยไขข้อสงสัยและเปรียบเทียบให้แบบชัดเจน ว่าลิปทินท์กับลิปสเตนต่างกันอย่างไร ลิปแบบไหนที่เข้ากับสไตล์การแต่งหน้าของเรา ส่วนใครยังไม่มีลิปทินท์ ไปตำกันได้เลยที่ 9 ลิปทินท์ตัวไหนดี สีชัด ติดทน พร้อมแล้ว ไปดูกันได้เลยค่ะ
ลิปทินท์ คืออะไร
ลิปทิ้นท์ (Lip tint) เป็นลิปที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเกาหลีใต้ และเป็นที่นิยมไปทั่วโลก โดยเฉพาะสาวไทยอย่างเราๆที่ติดซีรีย์เกาหลีกันงอมแงม พอเห็นนางเอกใช้ลิปทินท์สีสวยๆก็ต้องไปหามาตำกันให้ได้เลย (พูดจากประสบการณ์ตรงของพี่รัศมีเองเลยค่ะ) ตัวลิปทินท์นั้นจะมีเบสเป็นน้ำ มีเนื้อค่อนข้างบางเบา ทำให้รู้สึกสบายปาก เกลี่ยง่าย ทำให้ได้สีที่ดูเป็นธรรมชาติทั่วทั้งปาก
จุดเด่นของลิปทินท์
– เกลี่ยง่าย สามารถเกลี่ยไล่สีให้เป็นลุค Ombre ได้
– ลิปทินท์บางตัวสามารถนำมาทาบนแก้มแทนบรัชออน หรือจะใช้บนเปลือกตา
– ให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปาก ทำให้ finished look ดูฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาติ
– สามารถใช้กลบสีปากที่ไม่เท่ากันได้พอประมาณเลยค่ะ
วิธีทาลิปทินท์
1. ทำความสะอาดริมฝีปาก และเช็ดให้แห้ง
2. ทาลิปบาล์มเพื่อบำรุงริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้นให้ปากดูอวบอิ่ม ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วเช็ดออก
3. ค่อยๆทาลิปทินท์จากด้านในของปากล่างไล่ออกมา แล้วเม้มปาก
4. เติมลิปทินท์ที่ริมฝีปากบน ตามลุคที่อยากได้
5. รอลิปเซตตัวประมาณ 20-30 วินาที
6. เม้มปากบนทิชชู่เพื่อนำลิปส่วนเกินออก
ลิปสเตน คืออะไร
ลิปสเตน (Lip stain) เป็นลิปที่มีเบสเป็นน้ำหรือเจล ที่จะมีความติดทน เม็ดสีสด ชัด ไม่หลุดง่ายระหว่างวัน ลิปสเตนบางตัวสามารถอยู่ได้นานถึง 18 ชั่วโมงเลยนะคะ ตัวลิปสเตนจะติดอยู่บนปากเราเหมือนไปสักแบบชั่วคราวมาเลยล่ะค่ะ แถมยังเป็นลิปที่ค่อนข้างแห้งเร็ว ทำให้ติดทนนานทั้งวันเลยนั่นเอง
ในเรื่องของพิกเมนท์สีนั้นก็คือชัดในขนาดที่สามารถกลบสีปากเราได้อย่างเนียนสนิทเลยทีเดียว ใครที่สีปากไม่เท่ากัน ลิปสเตนคือตอบโจทย์ได้เลย โดยจะได้ finished look แบบแมทท์ หรือแบบวาวก็มีเช่นกันค่ะ
จุดเด่นของลิปสเตน
– ติดทนยาวนาน ไม่ต้องเติมซ้ำระหว่างวัน
– กลบสีปากได้อย่างแนบเนียน
– สีชัด ใช้เพียงปริมาณน้อยก็สามารถทาได้ทั่วทั้งปาก
– ไม่ลอก ไม่เป็นคราบ
วิธีทาลิปสเตน
1. ทำความสะอาดริมฝีปาก และเช็ดให้แห้ง
2. ทาลิปบาล์มเพื่อบำรุงริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้นให้ปากดูอวบอิ่ม ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วเช็ดออก
3. ทาลิปสเตนที่ริมฝีปากล่าง จากนั้นเม้มปาก
4. เติมลิปสเตนที่ริมฝีปากบน ตามลุคที่อยากได้
5. เนื่องจากลิปสเตนค่อนข้างแห้งไว จึงสามารเม้มปากบนทิชชู่หลังจากทา 5-10 วินาทีได้เลย
6. ทาลิปบาล์มทับเพื่อความฉ่ำวาว
ตารางเปรียบเทียบ ลิปทินท์ และ ลิปสเตน
ลิปทินท์ (Lip tint) | ลิปสเตน (Lip stain) | |
ความชัดของสี | มีความชัดของสีที่ค่อนข้างเบากว่า เหมาะกับลุคธรรมชาติ | สีชัด และโทนสีส่วนมากจะเข้มกว่า |
ความชุ่มชื้น | ทำให้ปากดูชุ่มชื้นมากกว่า | เมื่อทาแล้วจะแห้งติดไปกับปาก |
Finished look | ดูแมทแบบธรรมชาติ | มีทั้งแบบแมทท์ และแวววาว |
ความติดทน | 3-4 ชั่วโมง | 6-18 ชั่วโมง |
การปกปิด | ปกปิดได้พอประมาณ | ปกปิดได้อย่างเต็มที่ |
การเติมลิป | หลุดง่ายกว่าลิปสเตน ต้องเติมระหว่างวัน | ติดทนยาวนาน ไม่จำเป็นต้องเติมระหว่างวัน |
การเกลี่ย | เกลี่ยง่าย ทาไล่สีได้ | เนื่องจากลิปสเตนจะแห้งเร็ว จึงทำให้เกลี่ยได้ยาก |
ถ้าพี่รัศมีจะสรุปง่ายๆ ก็คงพูดได้ว่า ลิปสเตนเป็นลิปที่มีเม็ดสีชัดกว่า ปกปิดและติดทนนานกว่า แต่ก็ต้องระวังในการทา เพราะค่อนข้างจะแห้งเร็ว ทำให้เกลี่ยยาก ส่วนลิปทินท์จะให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า เกลี่ยง่าย แต่ติดทนได้ไม่เท่าลิปสเตนนั่นเอง
สำหรับใครที่รู้สึกสนใจตัวลิปทินท์ พี่รัศมีมีบทความดีๆมาฝากกันค่ะ นั่นคือ 5 เหตุผลที่ควรใช้ลิปทิ้นท์ ใช้ลิปทินท์แล้วมันปั๊วะ มันปังยังไงเข้าไปดูกันได้เลย
แต่ก่อนจะทาลิปใดๆ พี่รัศมีก็อยากมาแนะนำวิธีการบำรุงริมฝีปากเราให้มีสุขภาพดี ไม่ว่าจะทาลิปประเภทไหนก็สวย อวบอิ่มน่าจุ๊บเสมอเลยค่ะ
วิธีบำรุงริมฝีปากให้มีสุขภาพดี ทาลิปติดทนมากขึ้น
ใช้ลิปมาส์กอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
ลิปมาส์ก เป็นลิปที่มีส่วนผสมของวิตามินและมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้นที่ช่วยบำรุงริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มน่าจุ๊บ และดูสุขภาพดี อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรใช้ลิปมาส์กมากเกินไปเนื่องจากในลิปมาส์กมีส่วนผสมที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว เพราะฉะนั้น ควรใช่แค่อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งก็เพียงพอแล้วค่ะ
ใช้สครับปากอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง
การใช้ สครับปากจะช่วยผลัดเซลล์ผิว และลดการลอกเป็นขุยที่ริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากเรียบเนียนและนุ่มขึ้น โดยควรสครับปากไม่เกิน 1-2 ครั้งเท่านั้นนะคะ เพราะถ้าใช้สครับปากบ่อยเกินไป อาจทำให้ผิวที่ริมฝีปากบางได้ค่ะ
ทาลิปบาล์มบำรุงทุกครั้งก่อนทาลิปชนิดอื่นๆ
ก่อนจะทาลิปสติกเพิ่มความสวยงามให้ริมฝีปากของเรา เราควรบำรุงริมฝีปากให้มีสุขภาพดีก่อนเสมอนะคะ โดยสามารถทาลิปบำรุงทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มแต่งหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วค่อยเช็ดออกก่อนทาลิปชนิดอื่นค่ะ
เพียงเท่านี้เราก็สามารถมีริมฝีปากที่มีสุขภาพดี อวบอิ่มน่าจุ๊บได้ตลอดเวลาแล้วค่ะ สาวๆลองนำไปใช้กันนะคะ
ส่งท้ายบทความ ลิปทินท์กับลิปสเตน ต่างกันอย่างไร
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ พอรู้วิธีบำรุงริมฝีปากให้สุขภาพดีแล้ว รู้ความแตกต่างของลิปทินท์กับลิปสเตนแล้ว ทีนี้สาวๆก็สามารถไปเลือกซื้อลิปประเภทที่เหมาะกับการใช้งานของตัวเองได้แล้วค่ะ ถ้าให้พี่รัศมีแนะนำ จัดมาทั้งคู่ไปเลย! Why choose? When you can have both จริงมั้ยคะ อิอิ 😉