- ปรับปรุงล่าสุด 16/10/2023
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะไปทะเล หรือขึ้นเขาลงห้วย ลิปทินท์เป็นหนึ่งในไอเทมที่ขาดไม่ได้สำหรับพี่รัศมีเลยล่ะค่ะ เพราะนอกจากจะทาง่าย เกลี่ยง่าย ยังติดทนนานอีกด้วย จึงเป็นไอเทมที่พี่รัศมีอยากจะแนะนำให้สาวๆมีไว้ครอบครองเป็นที่สุด สำหรับใครที่ยังงงๆว่าลิปทินท์คืออะไร ใช้ยังไง ได้ลุคแบบไหน วันนี้พี่รัศมีจะมาช่วยตอบคำถามเหล่านี้เองค่ะ ไปดูกันได้เลยค่ะ
ลิปทินท์ คืออะไร
ลิปทิ้นท์ (Lip tint) เป็นลิปที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเกาหลีใต้ และเป็นที่นิยมไปทั่วโลก โดยเฉพาะสาวไทยอย่างเราๆที่ติดซีรีย์เกาหลีกันงอมแงม พอเห็นนางเอกใช้ลิปทินท์สีสวยๆก็ต้องไปหามาตำกันให้ได้เลย (พูดจากประสบการณ์ตรงของพี่รัศมีเองเลยค่ะ)
ตัวลิปทินท์นั้นจะมีเนื้อลิปที่บางเบา และมีเบสเป็นน้ำ ทำให้ปากดูอวบอิ่ม ชุ่มชื้น และได้สีที่ดูเป็นธรรมชาติทั่วทั้งปาก หรือจะสร้างสรรค์ให้ได้หลายลุค ไม่ว่าจะเป็นลุคแบบสายเกา หรือสายฝอก็ได้หมดเลยค่ะ อีกทั้งลิปทินท์ยังมีความติดทนนานมากสุดถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว ลิปอีกหนึ่งชนิดที่ติดทนไม่แพ้ลิปทินท์ก็คือลิปสเตนค่ะ ขอบอกเลยว่าทำให้ลุคในแต่ละวันเรานั้นไม่ซ้ำกันแน่นอน
รู้จักลิปทินท์แบบคร่าวๆไปแล้ว เรามาดูจุดเด่นของลิปทินท์กันเพิ่มกันดีกว่าค่ะ รับรองว่าพอรู้แล้ว สาวๆต้องอยากซื้อมาเก็บไว้ในเมคอัพคอลเลคชั่นของเรากันอย่างแน่นอน
จุดเด่นของลิปทินท์
เกลี่ยง่าย
จุดเด่นหลักๆของลิปทินท์คือ การเกลี่ยง่าย ที่สามารสร้างสรรค์ได้หลายลุคตามที่สาวๆต้องการ หรือเทรนด์ที่เรียกว่า Ombré Lips นั่นเอง จะเกลี่ยให้สีชัดจากด้านในไปด้านนอกแบบสาวเกาหลี หรือเกลี่ยให้สีชัดจากขอบปากมาด้านในแบบสาวสายฝอ ก็ได้ทั้งหมดเลยค่ะ ถ้าจะทาลิปทินท์แบบสาวสายฝอ อยากลืมเขียนขอบปากเพิ่มความแซ่บเข้าไปด้วยนะคะ พี่รัศมีแนะนำเลย
ติดทนนาน
ด้วยความที่ลิปทินท์มีเบสเป็นน้ำ เมื่อทาไปบนริมฝีปากแล้ว น้ำจะระเหยออกไป ทำให้สีลิปติดทนนาน ไม่ต้องเติมบ่อยๆระหว่างวันเลยค่ะ โดยลิปทินท์บางตัว สามารถติดทนได้นานถึง 6 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว
ให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปาก
ถ้าเป็นลิปทินท์สมัยก่อนจะไม่ค่อยมีส่วนผสมของสารบำรุงหรือสารที่ให้ความชุ่มชื้นเท่าไหร่ค่ะ แต่ปัจจุบัน เค้าพัฒนาให้ลิปทินท์มีวิตามิน มอยส์เจอไรซ์ และสารสกัดจากธรรมชาติต่างๆ ที่ช่วยบำรุงริมฝีปากของเราให้ดูอวบอิ่มเป็นธรรมชาติด้วยนั่นเอง ทำให้ Finished look ของริมฝีปากเราดูสวย สุขภาพดีสุดๆไปเลยค่ะ
ใช้ได้ทั้งปาก แก้ม และเปลือกตา
สามารถใช้ทาแก้มแทนบรัชออน และทาเปลือกตาแทนอายแชโดว์ได้ ด้วยความที่มีเนื้อบางเบา ทำให้ได้ผลลัพภ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ จะแต่งลุคใสๆเหมือนพึ่งไปออกกำลังกายมาโดยใช้แค่ลิปทินท์แท่งเดียวก็ทำได้ค่ะ
แต่เนื่องจากผิวบริเวณรอบดวงตาจะค่อนข้างบอบบาง ก่อนจะใช้ลิปทินท์มาทาที่ตาก็ควรอ่านฉลากคำเตือนด้วยนะคะ
ลิปทินท์มีแบบไหนบ้าง แต่ละประเภทเป็นอย่างไร
ด้วยความที่ลิปทินท์เป็นที่นิยมอย่างมาก บริษัทเครื่องสำอางต่างๆจึงผลิตคิดค้นลิปทินท์หลายๆสูตรที่แตกต่างกันไป พี่รัศมีจะพาไปดูกันค่ะ ว่ามีแบบไหนบ้าง และแต่ละแบบเป็นอย่างไร
Liquid lip tint: ลิปทินท์แบบเนื้อน้ำ
ลิปทินท์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็ลิปทินท์แบบเนื้อเหลวหรือเนื้อน้ำนี่แหละค่ะ เพราะทาและเกลี่ยง่ายสุดๆ สร้างสรรค์ Ombré Lips ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว จะสายฝอสายเกา ก็เอาอยู่! แต่ก่อนจะซื้อลิปทินท์ประเภทนี้ ต้องลองทดสอบหรืออ่านรีวิวดีๆก่อนนะคะ เพราะด้วยความที่เป็นเนื้อน้ำ ลิปทินท์บางยี่ห้ออาจจะแห้งเร็วเกินไปจนทำให้เกลี่ยยาก และอาจทำให้ริมฝีปากแห้งก็ได้ค่ะ ให้เลือกลิปตัวที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์ที่สามารถบำรุงริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้นจะดีที่สุดค่ะ
Peel-off lip tint: ลิปลอกปาก
ลิปลอกปาก หรือลิปกึ่งแทททูที่กำลังมาแรงขณะนี้ก็เป็นอีกประเภทของลิปทินท์ค่ะ เพียงแค่ทาแล้วรอจนลิปแห้งเป็นแผ่นประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงลอกออก เม็ดสีจะค่อนข้างชัด และติดทนทั้งวัน โดยสามารถติดทนได้นานถึง 10 ชั่วโมงกันเลยทีเดียวล่ะค่ะ แต่ด้วยความที่เป็นลิปแบบลอกออก อาจทำให้ปากแห้งได้ เพราะฉะนั้นควรบำรุงริมฝีปากก่อนทา หรือทาลิปบาล์มทับอีกทีเพื่อให้ปากดูชุ่มชื้นด้วยค่ะ
Tint stick: ลิปทินท์แบบแท่ง
แค่ชื่อก็บอกทุกอย่างแล้วค่ะ เป็นลิปทินท์ที่มาในรูปแบบแท่ง จะมีความเป็นเนื้อครีมหน่อยๆแต่บางเบา คงคอนเซปท์ของลิปทินท์เช่นเดิม โดยลิปทินท์แบบแท่งจะมีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงให้ริมฝีปากชุ่มชื้นมากกว่าลิปทินท์แบบอื่น จึงทำให้ปากดูอวบอิ่มดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นนั่นเองค่ะ
Matte lip tint: ลิปทินท์แบบเนื้อแมทท์
ลิปทินท์แบบเนื้อแมทท์มีเนื้อบางเบามากจนให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้ทาลิปเลยล่ะค่ะ ส่วนมากจะมาในรูปแบบเนื้อมูส ทำให้เกลี่ยง่ายสุดๆ แถมยังไม่ทำให้รู้สึกแห้ง ตกร่อง หรือเป็นคราบอีกด้วยค่ะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการบำรุงสุขภาพปากด้วยนะคะ ถ้าใครที่ปากแห้งมากๆ พี่รัศมีแนะนำบำรุงริมฝีปากเยอะๆก่อนทาลิปทินท์แบบเนื้อแมทท์ค่ะ
เมื่อรู้จักลิปทินท์แต่ละประเภทไปแล้ว เรามาดูวิธีการทาลิปทินท์กันบ้างค่ะ ทายังไงให้ปากดูอวบอิ่มเป็นธรรมชาติ และสีติดทนนาน
วิธีการทาลิปทินท์
1. ทำความสะอาดริมฝีปาก และเช็ดให้แห้ง
2. ทาลิปบาล์มเพื่อบำรุงริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้นให้ปากดูอวบอิ่ม ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วค่อยเช็ดออก
3. ทาลิปทินท์โดยค่อยๆไล่สี
4. เม้มปากเพื่อการเบลนด์ให้เท่ากันทั้งบนและล่างเล็กน้อย
5. เติมลิปทินท์เพิ่มเติม ตามลุคที่อยากได้
6. รอลิปเซตตัวประมาณ 20-30 วินาที
7. เม้มปากบนทิชชู่เพื่อนำลิปส่วนเกินออก
การทาลิปทินท์ เราสามารถสร้างสรรค์ได้หลายสไตล์เลยล่ะค่ะ สามารถทาให้ทั่วทั้งปากแบบ Full coverage หรือว่าจะทาเกลี่ยไล่สีปากแบบ Ombré Lips ก็ได้เช่นกันค่ะ
พี่รัศมีเองก็มีทริคเล็กๆน้อยๆสำหรับการทาลิปแบบ Ombré Lips มาฝากด้วยค่ะ ทั้งสายฝอ สายเกา พี่รัศมีจัดให้ค่ะ!
ทริคสำหรับการทาลิปทินท์แบบ Ombré Lips
การทาลิปทินท์แบบ Ombré Lips สายเกาหลี สวยใส ธรรมชาติสุดๆ
การทาลิปทินท์แบบ Ombré สายเกาหลี คือทาไล่ความชัดของสี จากด้านในมาด้านนอกนั่นเองค่ะ โดยเริ่มลงสีจากด้านในของปากแล้วใช้นิ้วเกลี่ยออกมายังขอบปาก แค่นี้ก็จะได้ลุคสายเกา สวยใน ธรรมชาติสุดๆไปเลยล่ะค่ะ
การทาลิปทินท์แบบ Ombré Lips สายฝอ สวยแซ่บ เซ็กซี่สุดๆ
การทาลิปทินท์แบบ Ombré สายฝอ คือทาไล่ความชัดของสี จากด้านนอกมาด้านในนั่นเองค่ะ โดยเริ่มลงสีจากตรงขอบปากแล้วใช้นิ้วเกลี่ยเข้ามาด้านในของริมฝีปาก เพิ่มเติมด้วยการเขียนขอบปากด้วยลิปไลน์เนอร์ เพิ่มความเซกซี่เข้าไปอีกนั่นเองค่ะ
ส่งท้ายบทความลิปทินท์
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับบทความ ลิปทินท์คืออะไร และควรทาอย่างไร ที่พี่รัศมีนำมาเสนอให้สาวๆวันนี้ ต้องซื้อมาใช้สักแท่งแล้วนะคะ! ถ้าหากยังลังเล พี่รัศมีก็มีบทความ 5 เหตุผลที่ควรใช้ลิปทิ้นท์ ไอเทมที่สาวๆไม่ควรพลาด! มาช่วยให้ทุกคนตัดสินใจกันด้วยค่ะ ส่วนใครที่อ่านแล้ว อดใจไม่ไหว อยากได้ลิปทินท์มาครอบครอง แต่ไม่รู้จะเลือกตัวไหนดี พี่รัศมีเองก็มี 9 ลิปทินท์ตัวไหนดี สีชัด ติดทน มาให้สาวๆได้ลองอ่านกันด้วยล่ะค่ะ พี่รัศมีคัดไว้ให้แล้ว ลองไปดูกันได้น้าาา
