รูปสำหรับ เหตุผลการใช้ลิปทินท์

5 เหตุผลที่ควรใช้ลิปทินท์ ไอเทมที่สาวๆไม่ควรพลาด!

ในโลกแห่งเครื่องสำอางมีลิปหลายประเภทมากมายเต็มไปหมด ทำให้การเลือกลิปที่เหมาะกับเรานั้นเป็นเรื่องที่ยากขึ้นมาเลยทีเดียว ลิปทินท์เองก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ถ้าหากลิปทินท์เป็นหนึ่งในไอเทมที่ใครหลายๆคนๆกำลังเล็งอยู่ละก็ พี่รัศมีจะมานำเสนอ 5 เหตุผลที่ควรใช้ลิปทินท์ ไอเทมที่สาวๆไม่ควรพลาด! ให้ได้ลองพิจารณากันดูค่ะ

ลิปทินท์คืออะไร

ลิปทินท์ (Lip tint) คือ ลิปที่มีเนื้อบางเบา มีส่วนผสมหลักคือน้ำ เมื่อทาลงบนปากแล้วจะให้ความรู้สึกบางเบา มีความชุ่มชื้น โดยที่สีจะติดทนเรียบเนียนไปกับผิวริมฝีปากอีกด้วย มักใช้ในการลงเป็นเบสก่อนลงกลอสหรือลิปประเภทอื่นๆ และยังนิยมเป็นอย่างมากในการใช่เกลี่ยไล่สีปาก หรือที่เรียกว่า Ombré lips นั่นเอง

เทรนด์การทาลิปสติกแบบ Ombré Lips

สาวๆน่าจะเคยเห็นการทาลิปแบบไล่สีมากันบ้างแล้วใช่มั้ยคะ ไม่ว่าจะย้อนวัยไปแต่ก่อนที่มักจะทาลิปให้ด้านในปากสีเข้มๆแล้วด้านขอบปากสีอ่อนมากๆแบบคุณอั้ม พัชราภา หรือว่าจะเป็นสมัยนี้ที่ไม่ว่าจะเป็นสาวเกาหลีหรือสาวตะวันตกก็จะทาลิปแบบไล่สีในสไตล์ต่างๆกัน ซึ่งเทรนด์การทาลิปแบบสติกแบบ Ombré lips คือการทาไล่สีจากเข้มไปอ่อนนี่แหละค่ะ สามารถทาได้ทั้งลุคสายฝอและสายเกาเลย

Ombré lips แบบสายฝอ

จะเป็นการทาไล่สีเข้มไปสีอ่อนจากขอบปากเข้ามาด้านในปากค่ะ มักเพิ่มรายละเอียดด้วยการเขียนขอบปากสีเข้มให้ดูอวบอิ่มนั่นเอง โดยลุคนี้สาวๆตะวันตกหรือสาวสายฝอมักจะชอบทากัน บางคนก็เขียนลิปไลน์เนอร์สีเข้มให้เกินขอบปากจริงเพื่อให้ปากดูใหญ่กว่าเดิม แล้วทาลิปทินท์ไล่สีเข้มไปอ่อนนั่นเองค่ะ

ลิปทินท์ Ombre

Ombré lips แบบสายเกา

คือการทาไล่สีเข้มไปสีอ่อนจากด้านในของปากไล่ไปขอบปากค่ะ จะให้ลุคแบบใสๆ เหมือนสีปากธรรมชาติ เกาหลีสุดๆ การทาลิปในลักษณะนี้จะเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆเอเชียเรานี่แหละค่ะ ยิ่งถ้ากลบขอบปากด้วยคอนซีลเลอร์ ก็จะยิ่งทำให้ลุคดูเพอร์เฟคขึ้นไปอีกระดับเลยล่ะค่ะ!

เหตุผลที่ใช้ลิปทินท์ ผู้หญิงทาลิปทินท์สายเกาหลี

เหตุผลที่ควรใช้ลิปทิ้นท์ ใช้แล้วดียังไง

1. ได้ลุคธรรมชาติแบบใสๆ

Finished look ของลิปทินท์นั้นจะอยู่ในช่วงระหว่างลิปกลอสกับลิปสติก มีความบางเบากว่าลิปสติก แต่สีชัดมากกว่าลิปกลอส แถมยังเป็นเนื้อแมทท์แบบเบาๆ ทำให้ทาแล้วดูเหมือนผิวปากจริงๆ ธรรมชาติสุดๆไปเลยล่ะ!

2. ทาได้ทั้งปาก แก้ม และตา

ลิปทินท์สามารถใช้ทาแก้มแทนบรัชออน และทาเปลือกตาแทนอายแชโดว์ได้ ด้วยความที่มีเนื้อบางเบา ทำให้ได้ผลลัพภ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ จะแต่งลุคใสๆเหมือนพึ่งไปออกกำลังกายมาโดยใช้แค่ลิปทินท์แท่งเดียวก็ทำได้ค่ะ 

แต่เนื่องจากผิวบริเวณรอบดวงตาจะค่อนข้างบอบบาง ก่อนจะใช้ลิปทินท์มาทาที่ตาก็ควรอ่านฉลากคำเตือนด้วยนะคะ

3. เกลี่ยง่าย สร้างสรรค์ได้หลายลุค

เรื่องของการเกลี่ยสีปาก สร้าง Ombre look นี่ต้องมอบให้ลิปทินท์เป็นที่ 1 เลยค่ะ เพราะเนื้อบางเบา สามารถควบคุมการไล่ระดับสีได้อย่างง่ายดาย การไล่สีปากให้ข้างในเข้ม ข้างนอกเบลอๆแบบสาวเกาหลีเนี่ย ต้องใช้ลิปทินท์เท่านั้น หรือจะทาทั่วทั้งปากเป็นอีกลุคก็ได้เช่นกันค่ะ

4. หาซื้อง่าย และราคาไม่แรง

อย่างที่พี่รัศมีได้บอกไปว่าลิปทินท์นั้นได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก ทำให้แบรนด์เครื่องสำอางแทบทุกแบรนด์ต้องออกไอเทมลิปทิ้นท์เฉดสีต่างๆมาให้สาวๆได้เลือกซื้อกันได้ง่ายๆตามร้านเครื่องสำอางค์ทั่วไปได้เลยค่ะ หรือจะสั่งตามร้านค้าออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่างๆก็ได้แบบไม่ต้องรอพรีออเดอร์กันแล้ว แถมราคายังเป็นที่จับต้องได้อีกด้วยนะคะ พี่รัศมีก็มามาแนะนำค่ะ 9 ลิปทินท์ตัวไหนดี สีชัด ติดทน ลองเลือกซื้อได้ตามความชอบเลย

5. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก

เมื่อก่อนลิปทินท์จะค่อนข้างแห้ง ทาแล้วไม่สบายปาก แต่ในปัจจุบันลิปทินท์ส่วนมากมีส่วนผสมของ hyaluronic acid ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก ให้ปากของเราสุขภาพดี เพิ่มความสดใส ให้ finished look ดูธรรมชาติสุดๆไปเลยค่ะ!

เหตุผลที่ควรใช้ลิปทินท์ ผู้หญิงถือแท่งลิปทินท์

ข้อแตกต่างระหว่างการทาลิปทินท์ กับ ลิปสติก

       – ลิปทินท์ให้ Finished look ที่ดูเป็นธรรมชาติกว่าลิปสติก

       – ลิปทินท์ติดทนนานมากกว่าลิปสติกค่ะ โดยติดทนได้นานมากสุดถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว

       – ลิปทินท์ใช้เกลี่ยสีปากได้ง่ายกว่า สามารถสร้างสรรค์ได้หลายลุคเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสายฝอหรือสายเกาอย่างที่พี่รัศมีได้พูดถึงในด้านบน

ลิปสติก กับ ลิปทินท์ แตกต่างกันอย่างไร

ขั้นตอนการทาลิปทินท์ สำหรับคนที่พึ่งใช้

       1. ทำความสะอาดริมฝีปาก และเช็ดให้แห้ง

       2. ทาลิปบาล์มบำรุงริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้นดูอวบอิ่ม ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วค่อยเช็ดออก

       3. ทาลิปทินท์โดยค่อยๆไล่สี ไม่ว่าจะเป็นการไล่สีเข้มจากขอบปากมาสีอ่อนด้านในปากแบบสายฝอ หรือไล่สีเข้าจากด้านในไปด้านนอกแบบสายเกาก็ได้ทั้งคู่เลยค่ะ 

       4. เม้มปากเพื่อการเบลนด์ให้เท่ากันทั้งบนและล่างเล็กน้อย

       5. เติมลิปทินท์เพิ่มเติม ตามลุคที่อยากได้

       6. รอลิปเซตตัวประมาณ 20-30 วินาที

       7. เม้มปากบนทิชชู่เพื่อนำลิปส่วนเกินออก

เพียงเท่านี้ก็จะได้ริมฝีปากสวยตามลุคที่เราอยากได้แล้วค่ะ แต่ถ้าเป็นการเกลี่ยสีลิปทินท์แบบสายฝอแล้วล่ะก็ พี่รัศมีขอแนะนำเพิ่มเติมให้เขียนขอบปากด้วยลิปไลเนอร์แล้วเบลนด์ให้กลมกลืน แค่นี้ก็จะได้ลุคสายฝอสุดแซ่บกันแล้วค่ะ

ส่งท้ายบทความ เหตุผลที่ควรใช้ลิปทินท์

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ 5 เหตุผลที่ควรใช้ลิปทินท์ ไอเทมที่สาวๆไม่ควรพลาด! เริ่มรู้สึกอยากมีไว้ในครอบครองกันบ้างหรือยัง หากใครที่ตัดสินใจอยากสอยมาไว้ใช้แต่ไม่รู้จะเลือกตัวไหนดี  9 ลิปทินท์ สีชัด ติดทน พี่รัศได้ลิสต์มาให้สาวๆได้ลองเลือกใช้กันดูด้วยน้าาา อย่ารอช้า ต้องตำมาเพิ่มความสวยให้ตัวเองกันแล้ววว

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง