รูปสำหรับลิปทินท์

9 ลิปทินท์ ยี่ห้อไหนดี ลิปทินท์ติดทนที่ต้องมีติดกระเป๋า! [ฉบับ 2023]

Lip tint เป็นหนึ่งในไอเทมที่สาวๆหลายคนนิยมมีไว้ครอบครอง เพราะเป็นลิปที่สามารถทาได้ทุกลุค ไม่ว่าจะเป็นลุคใสๆเป็นธรรมชาติ หรือจะลุคแซ่บๆก็ได้ทั้งนั้น เพราะทินท์สามารถทาและเกลี่ยลงบนปากได้หลากหลายสไตล์ เพิ่มสีสันให้ปากของเราดูสดใสได้ตลอดเวลา

สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าลิปทินท์คืออะไร พี่รัศมีสรุปมาคร่าวๆให้พอเข้าใจตามนี้เลยค่ะ

Top 3 ลิปทินท์ตัวเด็ด

5/5

Lip tint เนื้อน้ำกึ่งเจล Etude House – Ice Cream

Lip tint เนื้อน้ำกึ่งเจล Etude House Dear Darling Water Gel Tint – Ice Cream
5/5

ลิปทินต์เนื้อแมท 3CE Smoothing Lip Tint

ลิปทินท์ 3CE Smoothing Lip Tint
5/5

ลิปทินท์ สีชัด ติดทน SASI Sugar Rush Lip Tint

ลิปทินท์ SASI Sugar Rush Lip Tint

ลิปทินท์คืออะไร

คือ ลิปที่มีเนื้อบางเบา มีส่วนผสมหลักคือน้ำ เมื่อทาลงบนปากแล้วจะให้ความรู้สึกบางเบา โดยที่สีจะติดทนเรียบเนียนไปกับผิวริมฝีปากดูเป็นธรรมชาติ มักใช้ในการลงเป็นเบสก่อนลงกลอสหรือลิปประเภทอื่นๆ และยังนิยมใช้ในการเกลี่ยไล่สีปาก หรือที่เรียกว่า Ombre lip นั่นเอง

ทินท์มีแบบไหนบ้าง แต่ละประเภทเป็นอย่างไร

หากเราไม่ทราบว่าควรเลือกทินท์ตัวไหนดี ด้วยความที่ทินท์เป็นที่นิยมอย่างมาก บริษัทเครื่องสำอางต่างๆจึงผลิตคิดค้นทินท์หลายๆสูตรที่แตกต่างกันไป พี่รัศมีจะพาไปดูกันค่ะ ว่ามีแบบไหนบ้าง และแต่ละแบบเป็นอย่างไร

Liquid lip tint: ทินท์แบบเนื้อน้ำ

ทินท์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็ทินท์แบบเนื้อเหลวหรือเนื้อน้ำนี่แหละค่ะ เพราะทาและเกลี่ยง่ายสุดๆให้ลุดแบบสบายๆ ฉ่ำๆดูเป็นธรรมชาติ สามารถทำให้เป็นลุค Ombré Lips ได้สวยมากเลยล่ะค่ะ ทั้งสายฝอสายเกา ก็เอาอยู่!

Peel-off lip tint: ทินท์ลอกปาก

ลิปลอกปาก หรือลิปกึ่งแทททูที่กำลังมาแรงขณะนี้ก็เป็นอีกประเภทของทินท์ค่ะ เพียงแค่ทาไว้แล้วรอจนลิปแห้งเป็นแผ่นประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงลอกออก ก็จะได้สีลิปที่ติดทนทั้งวัน สามารถติดทนได้นานถึง 10 ชั่วโมงกันเลยทีเดียวล่ะค่ะ

Tint stick: แบบแท่ง

แค่ชื่อก็บอกทุกอย่างแล้วค่ะ เป็นทินท์ที่มาในรูปแบบแท่ง จะมีความเป็นเนื้อครีมหน่อยๆแต่บางเบา คงคอนเซปท์ของทินท์เช่นเดิม โดยทินท์แบบแท่งจะมีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์มากกว่าลิปทินท์แบบอื่น จึงทำให้ปากดูอวบอิ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้นนั่นเองค่ะ

Matte lip tint: แบบเนื้อแมทท์

ทินท์แบบเนื้อแมทท์มีเนื้อบางเบามากจนให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้ทาลิปเลยล่ะค่ะ ส่วนมากจะมาในรูปแบบเนื้อมูส ทำให้เกลี่ยง่ายสุดๆ แถมยังไม่ทำให้รู้สึกแห้ง ตกร่อง หรือเป็นคราบอีกด้วย

วิธีเลือกลิปทินท์

1. เลือกสีทินท์ให้เข้ากับอันเดอร์โทน

อันเดอร์โทน คือโทนสีผิวที่แท้จริงที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังของเรา การเลือกสีลิปให้เหมาะกับอันเดอร์โทนจะช่วยให้เมคอัพลุคของเราดูเข้ากับเราและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นนั่นเองค่ะ 

– Cool undertone ผิวโทนเย็น: ควรเลือกทินท์สีออกแดง ชมพู หรือม่วง

– Warm undertone ผิวโทนร้อน: ควรเลือกทินท์สีแดงเข้ม หรือส้มอิฐก็ได้เช่นกันค่ะ

2. เลือกสีทินท์เข้มกว่าสีปาก

ควรเลือกทินท์ให้เข้มกว่าสีปากธรรมชาติของเราประมาณ 2-3 เฉดจะดีที่สุดค่ะ จะให้ความกลมกลืนและเรียบเนียนมากกว่า หรือถ้าใครอยากเลือกสีเข้มมากๆไปเลย สำหรับลุคกลางคืนแซ่บๆก็ได้เช่นกัน การเลือกความเข้มของสีจะขึ้นอยู่กับลุคที่เราอยากได้นั่นเองค่ะ

3. เลือกทินท์ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์

ทินท์สามารถทำให้ริมฝีปากของเราแห้งได้ เพราะฉะนั้นการเลือกทินท์ที่สามารถให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปากได้ ก็จะช่วยแก้ปัญหาปากแห้งระหว่างวันได้ค่ะ ทินท์ส่วนมากในปัจจุบันมักมีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์มาด้วยอยู่แล้ว แต่พี่รัศมีก็อยากให้ทุกคนลองเชคดูดีๆก่อนซื้อ เพื่อริมฝีปากที่นุ่นชุ่มชื้นนั่นเองค่ะ 

4. เลือกทินท์ที่เนื้อไม่เหลวและไม่หนาเกินไป

ทินท์ควรมีเนื้อที่ไม่เหลวเป็นน้ำ และไม่หนามากเกินไปค่ะ ถ้าเนื้อเหลวมากไป การปกปิดจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ส่วนถ้าเนื้อหนาเกินไปก็อาจทำให้ปากเป็นคราบได้

เลือกลิปทินท์ตัวไหนดี สีชัด ติดทน

ลิปทินท์เนื้อน้ำกึ่งเจล Etude House Dear Darling Water Gel Tint - Ice Cream

1. Etude House Dear Darling Water Gel Tint – Ice Cream รีวิว

แค่รูปทรงของทินท์ตัวนี้ก็กินขาดแล้วค่ะ สำหรับทินท์เนื้อน้ำกึ่งเจลของแบรนด์ Etude สัญชาติเกาหลีตัวนี้ นอกจากตัวรูปทรงแบบไอติมแล้ว เค้ายังเคลมว่าเมื่อทาลิปทินท์ไปบนปากจะให้ความรู้สึกเย็นสดชื่นเหมือนไอติมค่อยๆละลายบนปากเลยเชียว! เนื้อสัมผัสทาและเกลี่ยง่าย เป็นสูตรติดทนนาน ทาแล้วได้ลุคแบบดูเป็นธรรมชาติ และยังเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากด้วยส่วนผสมจากสารสกัดจากเบอร์รี่ที่อุดมไปด้วยแร่ธาติและวิตามินที่ช่วยบำรุงริมฝีปากอีกด้วยค่ะ หากว่ายังไม่รู้ว่าจะเลือกลิปทินท์ตัวไหนดีแบบไหน ลิปทินท์ไอติมตัวนี้ถือว่าเป็น Top choice ของใครๆหลายๆคนเลยล่ะค่ะ

ข้อดี
ข้อเสีย

จุดเด่น

ให้ความรู้สึกสดชื่นหลังทา เติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก ช่วยบำรุงริมฝีปากไม่ให้แห้งกร้าน

ปริมาณ

4.5g

เฉดสี

6 เฉดสี

เนื้อลิปทินท์

เนื้อน้ำกึ่งเจล

ลิปทินท์เกาหลี ROM&ND Juicy Lasting Tint

2. ROM&ND Juicy Lasting Tint รีวิว

ลิปทิ้นท์สัญชาติเกาหลีของโรแมนด์ที่มีความ Juicy สมชื่อเลยค่ะ น้องเค้ามาในรูปเนื้อครีมฉ่ำวาว ชุ่มชื้น สีสวย ทาง่าย ไม่ต้องกลัวตกร่อง ติดทนนาน ไม่ติดแมสก์ ครบเครื่องสุดๆกันเลยทีเดียว Finished look ของน้องเค้าจะมีความฉ่ำเหมือนลิปกลอสเบาๆเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าเราไม่อยากได้ความฉ่ำวาวเหมือนกลอส เพียงใช้ทิชชู่ซับออกก็ได้แล้วค่ะ เหมาะกับวันที่เราอยากได้ลุคสบายๆหากว่ายังไม่รู้ว่าจะเลือกทินท์ตัวไหนดีที่สีลิปยังติดอยู่ได้ลุคตามที่เราต้องการและปรับได้หลายลุคแบบนี้ ก็ต้อง ทินท์ของ ROM&ND Juicy Lasting Tint ไม่มีไม่ได้แล้ววว 

ข้อดี
ข้อเสีย

จุดเด่น

ให้ความชุ่มชื้น ทาง่าย ไม่ตกร่อง ติดทนนาน

ปริมาณ

5.5g

เฉดสี

16 เฉดสี

เนื้อลิปทินท์

เนื้อครีมฉ่ำวาว

ลิปทินท์ Dior สีแดง 541

3. Dior Addict Lip Tattoo Long-Wear Colored Tint รีวิว

ลิปทิ้นท์ตัวไหนดี ที่นอกจากชื่อยี่ห้อและแพคเกจจิ้งที่ดูหรูหราเป็นเอกลักษณ์ปังสุดๆแล้ว คุณสมบัติของเค้าก็ปังไม่แพ้กัน ลิปทินต์รุ่นแรกของดิออร์ที่เคลมว่าติดทนนาน 10 ชั่วโมง มาพร้อมกับเนื้อสัมผัสแบบ water-balanced emulsion ที่จะทำให้ทาง่าย เกลี่ยง่าย เนื้อบางเบาที่ให้ความรู้สึกว่าเหมือนไม่ได้ทาลิปพร้อมสีสันที่เปลี่ยนไปตามโทนสีของริมฝีปากตามธรรมชาติ เหมาะกับวันที่ไม่อยากแต่งหน้าจัด ตัวนี้ควรมีพกไว้เลย ทาแล้วจะให้สีเหมือนการสักปากคือจะดูธรรมชาติแล้วกลมกลืนกับสีธรรมชาาติของริมฝีปากเรา อีกทั้งจูบแล้วไม่หลุดเลยนะ ฮิฮิ ทาแล้วไม่ติดแมสก์อีกด้วย สบายปากและติดทนนานแบบนี้ พี่รัศมีแนะนำให้ไปตำกันเลยค่ะ!

ข้อดี
ข้อเสีย

จุดเด่น

ติดทนนาน 10 ชั่วโมง เกลี่ยง่าย เนื้อบางเบา

ปริมาณ

6ml

เฉดสี

14 เฉดสี

เนื้อลิปทินท์

เนื้อน้ำ

ลิปทินท์ I’m Meme Mystery Satin Tint สีแดง

4. I’m Meme Mystery Satin Tint รีวิว

ใครที่มองหา lip tint ตัวไหนดีที่ติดทนแต่ไม่ทำให้ปากแห้งต้อง I’m Meme Mystery Satin Tint ตัวนี้เลยค่ะ ด้วยส่วนผสมของน้ำมันจากธรรมชาติถึง 6 ตัว ที่ให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้น ช่วยบำรุงริมฝีปาก ไม่ให้แห้งหรือลอกเป็นขุย เนื้อของเค้าจะออกเป็นน้ำเหลวๆ  ได้Finished look เป็นธรรมชาติ เหมาะกับใครที่ชอบแต่งหน้าแนวธรรมชาติเผลอๆ เนื้อลิปเป็นแบบซาติน มีความบางเบา เกลี่ยง่าย มีเม็ดสีที่ชัดและติดทนสุดๆไปเลยค่ะ! เพียงทาทินท์แค่นิดเดียวก็สามารถเกลี่ยได้ทั้งปากแล้ว แถมยังมีกลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆ เพิ่มความหวาน สดใส แค่คิดก็ได้กลิ่นหอมเหมือนเดินในทุ่งดอกไม้แล้วล่ะค่ะ เป็นไอเทมที่ต้องมีแล้วจริงๆ

ข้อดี
ข้อเสีย

จุดเด่น

ผสมน้ำมันจากธรรมชาติ 6 ตัว ให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้น

ปริมาณ

3g

เฉดสี

5 เฉดสี

เนื้อลิปทินท์

เนื้อน้ำ

ลิปทินต์เนื้อแมท 3CE Smoothing Lip Tint

5. 3CE Smoothing Lip Tint รีวิว

อยากได้ความนุ่มละมุนแบบสาวเกาหลี ต้องทินท์ตัวไหนดี ของ 3CE Smoothing Lip Tint ตัวนี้เลยค่ะ น้องเค้าเป็นลิปทินต์เนื้อแมทที่ดูเรียบเนียนดุจกำมะหยี่ เนื้อนุ่ม เม็ดสีที่แน่นคมชัดและยังติดทนอีกด้วย สีของน้องเค้าจะออกแนวสวยสดใสสไตล์เกาหลี เหมาะกับคนที่ชอบโทนสีแบบธรรมชาติ มีให้เลือกหลายเฉด โดยสีของลิปจะแนบสนิทกับปากเป็นเนื้อเดียวกัน ให้สัมผัสที่ดูเรียบลื่นบางเบาเป็นธรรมชาติสุดๆไปเลยค่ะ สายเกาพลาดไม่ได้แล้ววว หากใครที่กังวลว่าททาแล้วริมฝีปากจะแห้ง พี่รัศมีแนะนำว่าทาลิปบาล์มบางๆลงไปบนริมฝีปากก่อน แล้วตามด้วยลิปทินท์แมท ก็จะทำให้ปากเราไม่ลอกเป็นขุยแล้วค่ะ 

ข้อดี
ข้อเสีย

จุดเด่น

ลิปทินต์เนื้อแมท เม็ดสีแน่นคมชัดและติดทน

ปริมาณ

4g

เฉดสี

5 เฉดสี

เนื้อลิปทินท์

เนื้อแมท-กำมะหยี่

ลิปทินท์ LILYBYRED Glassy Layer Fixing Tint

6. LILYBYRED Glassy Layer Fixing Tint รีวิว

ใครที่อยากได้ลุคฉ่ำวาว พลาดไม่ได้เลยกับ LILYBYRED Glassy Layer Fixing Tint ตัวนี้ค่ะ น้องเค้าเป็นทินท์เนื้อกลอสกึ่งน้ำที่พอทาแล้วให้ความฉ่ำวาวแบบสุด แถมยังกันน้ำอีกด้วยนะคะ ความติดทนถือว่าดีเลย หลังทานอาหารความวาวอาจหลุดไปบ้าง แต่สีลิปจะยังติดอยู่ค่ะ ถึงจะเป็นกลอส แต่น้องเค้าไม่เหนียวเหนอะหนะนะคะ เนื้อบางเบามากๆ แถมยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากด้วยกรดไฮยาลูรอน น้ำมันโจโจบา และน้ำผึ้งอีกด้วย บำรุงริมฝีปากไม่ให้แห้งระหว่างวัน พี่รัศมีเชียร์ให้ไปตำกันเลยค่ะ

ข้อดี
ข้อเสีย

จุดเด่น

บางเบา ไม่เหนอะหนะ กันน้ำ ติดทน เพิ่มความชุ่มชื้น

ปริมาณ

3.8g

เฉดสี

13 เฉดสี

เนื้อลิปทินท์

เนื้อกลอสกึ่งน้ำ

ลิปทินท์ Holika Holika Waterdrop Tint Bomb

7. Holika Holika Waterdrop Tint Bomb รีวิว

Liptint จากเกาหลีในตำนาน ไม่พูดถึงไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ความน่ารักของน้องเค้าคือ ทินท์เป็นแท่งรูปทรงหยดน้ำ ซึ่งประกอบด้วยน้ำแร่เจจูมากถึง 40% พร้อมด้วยสารสกัดจากเมล็ดองุ่น มะละกอ และน้ำผึ้ง ให้ความชุ่มชื้นบนริมฝีปาก เมื่อทาแล้วจะให้ความรู้สึกเหมือนมีน้ำกระจายแตกออกบนริมฝีปาก มีความบางเบา แล้วให้สีที่ชัด โทนสีสดใส ติดทนมากๆเลยล่ะค่ะ พี่รัศมีแนะนำว่าเป็นหนึ่งไอเทมของลิปทินท์ตัวไหนดี ที่ควรมีเลยจริงๆ เหมาะกับสาวๆที่ชอบลูกเล่นในเครื่องสำอางค์

ข้อดี
ข้อเสีย

จุดเด่น

เมื่อทาแล้วจะเหมือนน้ำกระจายบนปาก บางเบา มีสีที่ชัด ติดทน

ปริมาณ

2.5g

เฉดสี

5 เฉดสี

เนื้อลิปทินท์

แบบแท่ง แตกตัวเป็นน้ำ

ลิปทินท์ เซ็กซี่ลุค Bbia Glow Lip Tint

8. Bbia Glow Lip Tint รีวิว

ใครที่กำลังมองหาลิปทินท์ตัวไหนดีที่บางเบาสุดๆ Bbia Glow Lip Tint คือคำตอบค่ะ! ทางแบรนด์เค้าเคลมมาว่าเป็นเนื้อบางเบาที่สุดที่เคยมีมา ด้วยเนื้อสัมผัสแบบ Super Light เนื้อสีที่เป็นแบบซีทรู มีพิกเมนท์สีแวววาว สีติดทน โทนสีมอบความสดใส แถมเนื้อเทคเจอร์ฉ่ำเนียนเรียบไปบนริมฝีปาก ไม่ทิ้งขุยใดๆ บนริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากไม่แห้งระหว่างวัน มาพร้อมเม็ดสีที่แน่นชัด ติดแน่น ไม่จืดชืดไม่ดรอป ไม่ต้องคอยเติมบ่อยๆระหว่างวันเลยค่ะ! คุณสมบัติครบครันแบบนี้ ขายดิบขายดีจนรีสต็อคแทบไม่ทันกันเลยล่ะค่ะ ช้าไม่ได้นะ ต้องรีบไปตำกันแล้ววว

ข้อดี
ข้อเสีย

จุดเด่น

เนื้อซีทรูบางเบา เม็ดสีแน่น

ปริมาณ

3.2g

เฉดสี

5 เฉดสี

เนื้อลิปทินท์

เนื้อซีทรู

ลิปทินท์ SASI Sugar Rush Lip Tint

9. SASI Sugar Rush Lip Tint รีวิว

ปิดท้ายกันที่ลิปทินท์ตัวไหนดีแบรนด์ไทยกันค่ะ กับ SASI Sugar Rush Lip Tint ลิปทิ้นท์เนื้อน้ำฉ่ำๆ ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มฉ่ำให้ริมฝีปาก มีสีที่ติดทน ทาง่าย เกลี่ยง่ายบนริมฝีปาก เรียบเนียนแบบเคลือบแนบสนิทไปกับริมฝีปากเลยทีเดียว และยังมี Oil-based coating technology ที่ทำให้รู้สึกเบาสบาย ไม่เหนียวเหนอะหนะ และติดทน นอกจากนั้นยังมีส่วนผสมของโอลีฟออยล์ โจโจบาออยล์ วิตามิน E และสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ช่วยบำรุงให้ริมฝีปากดูชุ่มฉ่ำไม่แห้งกร้าน มาพร้อมกับกลิ่นหอมจากผลไม้ด้วยนะคะ คุณสมบัติมากมายขนาดนี้ แบรนด์ไทยไม่แพ้ใครเลยจริงๆ พี่รัศมีแนะนำเลยค่ะ

ข้อดี
ข้อเสีย

จุดเด่น

เพิ่มความชุ่มฉ่ำให้ริมฝีปาก สีชัด ทาง่าย

ปริมาณ

3g

เฉดสี

5 เฉดสี

เนื้อลิปทินท์

เนื้อน้ำ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 9 ลิปทินท์ตัวไหนดี สีชัด ติดทน ที่พี่รัศมีนำมาแนะนำให้สาวๆกัน แต่ละตัวน่าตำกันทั้งนั้นเลยใช่มั้ยล่ะ เมื่อสาวๆตัดสินใจเลือกซื้อทินท์มาไว้ในคลังไอเทมเสริมความงามแล้ว พี่รัศมีก็มีทริคเล็กๆน้อยๆกับวิธีการทาทินท์ให้ติดทนมาให้สาวๆได้อ่านกันด้วยค่ะ

วิธีการทาลิปทินท์ ทายังไงให้ติดทนนาน

1. ทำความสะอาดริมฝีปาก และเช็ดให้แห้ง

2. ทาลิปบาล์มเพื่อบำรุงริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้นให้ปากดูอวบอิ่ม ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วค่อยเช็ดออก

3. ทาโดยค่อยๆไล่สี

4. เม้มปากเพื่อการเบลนด์ให้เท่ากันทั้งบนและล่างเล็กน้อย

5. เติมทินท์เพิ่มเติม ตามลุคที่อยากได้

6. รอลิปเซตตัวประมาณ 20-30 วินาที

 7. เม้มปากบนทิชชู่เพื่อนำลิปส่วนเกินออก 

การทาทินท์เนี่ย สามารถทาให้ทั่วทั้งปากแบบ เต็มปาก หรือ Full coverage หรือว่าจะทาแบบเกลี่ยไล่สีปากแบบ Ombré Lips ก็ได้เช่นกันค่ะ 

การทาลิปทินท์แบบ Ombré Lips 

การทาลิปทินท์แบบ Ombré Lips สายเกาหลี สวยใส ธรรมชาติสุดๆ

การทาลิปแบบ Ombré สายเกาหลี คือทาไล่ความชัดของสีบนริมฝีปาก จากด้านในมาด้านนอกนั่นเองค่ะ โดยเริ่มลงสีจากด้านในของปากแล้วใช้นิ้วเกลี่ยออกมายังขอบปาก แค่นี้ก็จะได้ลุคสายเกา ดูเป็นธรรมชาติสุดๆไปเลยล่ะค่ะ

ทาลิปแบบสายเกา ทาแบบออมเบรย์

การทาลิปทินท์แบบ Ombré Lips สายฝอ สวยแซ่บ เซ็กซี่สุดๆ

การทาลิปแบบ Ombré สายฝอ คือทาไล่ความชัดของสี จากด้านนอกมาด้านในนั่นเองค่ะ โดยเริ่มลงสีจากตรงขอบปากแล้วใช้นิ้วเกลี่ยเข้ามาด้านในของริมฝีปาก เพิ่มเติมด้วยการเขียนขอบปากด้วยลิปไลเนอร์ เพิ่มความเซ็กซี่เข้าไปอีกนั่นเองค่ะ

ทาลิปแบบสายฝอ ทาแบบออมเบรย์

ส่งท้ายบทความ 9 ลิปทินท์ ยี่ห้อไหนดี

ทินท์ ถือว่าเป็นหนึ่งในไอเทมที่คุ้มค่าต่อการซื้อมาใช้มากๆเลยล่ะค่ะ เพราะสามารถสร้างสรรค์ได้หลายลุค และยังมีความติดทนมากกว่าลิปประเภทอื่นๆอีกด้วย เป็น Must have ไอเทมเลยจริงๆ สำหรับใครที่อยากทำความรู้จักเจ้าทินท์มากขึ้นกว่านี้ พี่รัศมีก็มีบทความ 5 เหตุผลที่ควรใช้ลิปทิ้นท์ ไอเทมที่สาวๆไม่ควรพลาด! มาให้ทุกคนได้ลองอ่านกันด้วยนะคะ ไว้เจอกันบทความหน้าจ้าาา

คำถามที่พบบ่อย

1. ลิปทินท์ต่างจากลิปสเตนอย่างไร

ลิปทินท์ต่างจากลิปสเตนด้วยคุณสมบัติบางประการค่ะ ลิปสเตนเป็นลิปที่มีเม็ดสีชัดกว่า ปกปิดและติดทนนานกว่า แต่ก็ต้องระวังในการทา เพราะค่อนข้างจะแห้งเร็ว ทำให้เกลี่ยยาก ส่วนลิปทินท์จะให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า เกลี่ยง่าย แต่ติดทนได้ไม่เท่าลิปสเตนนั่นเอง

2. ลิปทิ้นท์ติดทนนานกี่ชั่วโมง

ลิปทินท์ติดทนนานประมาณ 3-6 ชั่วโมงค่ะ ขึ้นอยู่กับสูตรของลิปทินท์แต่ละยี่ห้อ ลิปทินท์บางตัวก็เคลมว่าสามารถติดทนนานได้ถึง 10 ชั่วโมงก็มีนะคะ ทั้งนี้อยู่ที่วิธีการทา และการใช้ชีวิตประจำวันของเราด้วยค่ะ

3. ลิปทินท์ปกปิดได้ดีมั้ย

ลิปทินท์สามารถปกปิดได้ดี พอประมาณค่ะ ขึ้นอยู่กับความชัดของเม็ดสีของลิปทินท์แต่ละตัว แต่ความปกปิดของลิปทินท์จะไม่เท่าลิปสเตน ที่ให้การปกปิดได้ดีกว่าค่ะ

4. สามารถทาลิปทิ้นท์ใต้ลิปสติกได้มั้ย

สามารถทาลิปทิ้นต์ใต้ลิปสติกได้แน่นอนค่ะ เพื่อเพิ่มสีสันที่ละเอียดอ่อนและให้สีลิปสติกยังคงทนอยู่ได้นาน 

5. ลบลิปทินท์ออกจากริมฝีปากยังไงดี

ลิปทินต์สามารถลบออกได้โดยใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือไมเซลลาร์วอเตอร์ หยดผลิตภัณฑ์ลงบนสำลีแล้วเช็ดเบาๆ ให้ทั่วริมฝีปากจนกว่าสีจะออกหมด

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง