- ปรับปรุงล่าสุด 16/10/2023
Lip tint เป็นหนึ่งในไอเทมที่สาวๆหลายคนนิยมมีไว้ครอบครอง เพราะเป็นลิปที่สามารถทาได้ทุกลุค ไม่ว่าจะเป็นลุคใสๆเป็นธรรมชาติ หรือจะลุคแซ่บๆก็ได้ทั้งนั้น เพราะทินท์สามารถทาและเกลี่ยลงบนปากได้หลากหลายสไตล์ เพิ่มสีสันให้ปากของเราดูสดใสได้ตลอดเวลา
สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าลิปทินท์คืออะไร พี่รัศมีสรุปมาคร่าวๆให้พอเข้าใจตามนี้เลยค่ะ
Top 3 ลิปทินท์ตัวเด็ด
ลิปทินท์คืออะไร
คือ ลิปที่มีเนื้อบางเบา มีส่วนผสมหลักคือน้ำ เมื่อทาลงบนปากแล้วจะให้ความรู้สึกบางเบา โดยที่สีจะติดทนเรียบเนียนไปกับผิวริมฝีปากดูเป็นธรรมชาติ มักใช้ในการลงเป็นเบสก่อนลงกลอสหรือลิปประเภทอื่นๆ และยังนิยมใช้ในการเกลี่ยไล่สีปาก หรือที่เรียกว่า Ombre lip นั่นเอง
ทินท์มีแบบไหนบ้าง แต่ละประเภทเป็นอย่างไร
หากเราไม่ทราบว่าควรเลือกทินท์ตัวไหนดี ด้วยความที่ทินท์เป็นที่นิยมอย่างมาก บริษัทเครื่องสำอางต่างๆจึงผลิตคิดค้นทินท์หลายๆสูตรที่แตกต่างกันไป พี่รัศมีจะพาไปดูกันค่ะ ว่ามีแบบไหนบ้าง และแต่ละแบบเป็นอย่างไร
Liquid lip tint: ทินท์แบบเนื้อน้ำ
ทินท์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็ทินท์แบบเนื้อเหลวหรือเนื้อน้ำนี่แหละค่ะ เพราะทาและเกลี่ยง่ายสุดๆให้ลุดแบบสบายๆ ฉ่ำๆดูเป็นธรรมชาติ สามารถทำให้เป็นลุค Ombré Lips ได้สวยมากเลยล่ะค่ะ ทั้งสายฝอสายเกา ก็เอาอยู่!
Peel-off lip tint: ทินท์ลอกปาก
ลิปลอกปาก หรือลิปกึ่งแทททูที่กำลังมาแรงขณะนี้ก็เป็นอีกประเภทของทินท์ค่ะ เพียงแค่ทาไว้แล้วรอจนลิปแห้งเป็นแผ่นประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงลอกออก ก็จะได้สีลิปที่ติดทนทั้งวัน สามารถติดทนได้นานถึง 10 ชั่วโมงกันเลยทีเดียวล่ะค่ะ
Tint stick: แบบแท่ง
แค่ชื่อก็บอกทุกอย่างแล้วค่ะ เป็นทินท์ที่มาในรูปแบบแท่ง จะมีความเป็นเนื้อครีมหน่อยๆแต่บางเบา คงคอนเซปท์ของทินท์เช่นเดิม โดยทินท์แบบแท่งจะมีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์มากกว่าลิปทินท์แบบอื่น จึงทำให้ปากดูอวบอิ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้นนั่นเองค่ะ
Matte lip tint: แบบเนื้อแมทท์
ทินท์แบบเนื้อแมทท์มีเนื้อบางเบามากจนให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้ทาลิปเลยล่ะค่ะ ส่วนมากจะมาในรูปแบบเนื้อมูส ทำให้เกลี่ยง่ายสุดๆ แถมยังไม่ทำให้รู้สึกแห้ง ตกร่อง หรือเป็นคราบอีกด้วย
วิธีเลือกลิปทินท์
1. เลือกสีทินท์ให้เข้ากับอันเดอร์โทน
อันเดอร์โทน คือโทนสีผิวที่แท้จริงที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังของเรา การเลือกสีลิปให้เหมาะกับอันเดอร์โทนจะช่วยให้เมคอัพลุคของเราดูเข้ากับเราและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นนั่นเองค่ะ
– Cool undertone ผิวโทนเย็น: ควรเลือกทินท์สีออกแดง ชมพู หรือม่วง
– Warm undertone ผิวโทนร้อน: ควรเลือกทินท์สีแดงเข้ม หรือส้มอิฐก็ได้เช่นกันค่ะ
2. เลือกสีทินท์เข้มกว่าสีปาก
ควรเลือกทินท์ให้เข้มกว่าสีปากธรรมชาติของเราประมาณ 2-3 เฉดจะดีที่สุดค่ะ จะให้ความกลมกลืนและเรียบเนียนมากกว่า หรือถ้าใครอยากเลือกสีเข้มมากๆไปเลย สำหรับลุคกลางคืนแซ่บๆก็ได้เช่นกัน การเลือกความเข้มของสีจะขึ้นอยู่กับลุคที่เราอยากได้นั่นเองค่ะ
3. เลือกทินท์ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์
ทินท์สามารถทำให้ริมฝีปากของเราแห้งได้ เพราะฉะนั้นการเลือกทินท์ที่สามารถให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปากได้ ก็จะช่วยแก้ปัญหาปากแห้งระหว่างวันได้ค่ะ ทินท์ส่วนมากในปัจจุบันมักมีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์มาด้วยอยู่แล้ว แต่พี่รัศมีก็อยากให้ทุกคนลองเชคดูดีๆก่อนซื้อ เพื่อริมฝีปากที่นุ่นชุ่มชื้นนั่นเองค่ะ
4. เลือกทินท์ที่เนื้อไม่เหลวและไม่หนาเกินไป
ทินท์ควรมีเนื้อที่ไม่เหลวเป็นน้ำ และไม่หนามากเกินไปค่ะ ถ้าเนื้อเหลวมากไป การปกปิดจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ส่วนถ้าเนื้อหนาเกินไปก็อาจทำให้ปากเป็นคราบได้
เลือกลิปทินท์ตัวไหนดี สีชัด ติดทน
1. Etude House Dear Darling Water Gel Tint – Ice Cream รีวิว
แค่รูปทรงของทินท์ตัวนี้ก็กินขาดแล้วค่ะ สำหรับทินท์เนื้อน้ำกึ่งเจลของแบรนด์ Etude สัญชาติเกาหลีตัวนี้ นอกจากตัวรูปทรงแบบไอติมแล้ว เค้ายังเคลมว่าเมื่อทาลิปทินท์ไปบนปากจะให้ความรู้สึกเย็นสดชื่นเหมือนไอติมค่อยๆละลายบนปากเลยเชียว! เนื้อสัมผัสทาและเกลี่ยง่าย เป็นสูตรติดทนนาน ทาแล้วได้ลุคแบบดูเป็นธรรมชาติ และยังเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากด้วยส่วนผสมจากสารสกัดจากเบอร์รี่ที่อุดมไปด้วยแร่ธาติและวิตามินที่ช่วยบำรุงริมฝีปากอีกด้วยค่ะ หากว่ายังไม่รู้ว่าจะเลือกลิปทินท์ตัวไหนดีแบบไหน ลิปทินท์ไอติมตัวนี้ถือว่าเป็น Top choice ของใครๆหลายๆคนเลยล่ะค่ะ
- สีชัด
- เนื้อสัมผัสทาและเกลี่ยง่าย
- มีสารสกัดเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก
- อาจต้องเติมระหว่างวันบ้าง
จุดเด่น | ให้ความรู้สึกสดชื่นหลังทา เติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก ช่วยบำรุงริมฝีปากไม่ให้แห้งกร้าน |
ปริมาณ | 4.5g |
เฉดสี | 6 เฉดสี |
เนื้อลิปทินท์ | เนื้อน้ำกึ่งเจล |
2. ROM&ND Juicy Lasting Tint รีวิว
ลิปทิ้นท์สัญชาติเกาหลีของโรแมนด์ที่มีความ Juicy สมชื่อเลยค่ะ น้องเค้ามาในรูปเนื้อครีมฉ่ำวาว ชุ่มชื้น สีสวย ทาง่าย ไม่ต้องกลัวตกร่อง ติดทนนาน ไม่ติดแมสก์ ครบเครื่องสุดๆกันเลยทีเดียว Finished look ของน้องเค้าจะมีความฉ่ำเหมือนลิปกลอสเบาๆเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าเราไม่อยากได้ความฉ่ำวาวเหมือนกลอส เพียงใช้ทิชชู่ซับออกก็ได้แล้วค่ะ เหมาะกับวันที่เราอยากได้ลุคสบายๆหากว่ายังไม่รู้ว่าจะเลือกทินท์ตัวไหนดีที่สีลิปยังติดอยู่ได้ลุคตามที่เราต้องการและปรับได้หลายลุคแบบนี้ ก็ต้อง ทินท์ของ ROM&ND Juicy Lasting Tint ไม่มีไม่ได้แล้ววว
- ทาง่าย ไม่ตกร่อง
- ติดทนนาน ไม่ติดแมสก์
- ให้ความฉ่ำวาว ชุ่มชื้น
- บางเฉดสีหาซื้อยาก
จุดเด่น | ให้ความชุ่มชื้น ทาง่าย ไม่ตกร่อง ติดทนนาน |
ปริมาณ | 5.5g |
เฉดสี | 16 เฉดสี |
เนื้อลิปทินท์ | เนื้อครีมฉ่ำวาว |
3. Dior Addict Lip Tattoo Long-Wear Colored Tint รีวิว
ลิปทิ้นท์ตัวไหนดี ที่นอกจากชื่อยี่ห้อและแพคเกจจิ้งที่ดูหรูหราเป็นเอกลักษณ์ปังสุดๆแล้ว คุณสมบัติของเค้าก็ปังไม่แพ้กัน ลิปทินต์รุ่นแรกของดิออร์ที่เคลมว่าติดทนนาน 10 ชั่วโมง มาพร้อมกับเนื้อสัมผัสแบบ water-balanced emulsion ที่จะทำให้ทาง่าย เกลี่ยง่าย เนื้อบางเบาที่ให้ความรู้สึกว่าเหมือนไม่ได้ทาลิปพร้อมสีสันที่เปลี่ยนไปตามโทนสีของริมฝีปากตามธรรมชาติ เหมาะกับวันที่ไม่อยากแต่งหน้าจัด ตัวนี้ควรมีพกไว้เลย ทาแล้วจะให้สีเหมือนการสักปากคือจะดูธรรมชาติแล้วกลมกลืนกับสีธรรมชาาติของริมฝีปากเรา อีกทั้งจูบแล้วไม่หลุดเลยนะ ฮิฮิ ทาแล้วไม่ติดแมสก์อีกด้วย สบายปากและติดทนนานแบบนี้ พี่รัศมีแนะนำให้ไปตำกันเลยค่ะ!
- ติดทนนาน ไม่หลุดง่าย
- เนื้อบางเบา สบายปาก
- เกลี่ยง่าย
- อาจเป็นคราบสำหรับคนที่มีปากแห้ง
- ราคาสูง
จุดเด่น | ติดทนนาน 10 ชั่วโมง เกลี่ยง่าย เนื้อบางเบา |
ปริมาณ | 6ml |
เฉดสี | 14 เฉดสี |
เนื้อลิปทินท์ | เนื้อน้ำ |
4. I’m Meme Mystery Satin Tint รีวิว
ใครที่มองหา lip tint ตัวไหนดีที่ติดทนแต่ไม่ทำให้ปากแห้งต้อง I’m Meme Mystery Satin Tint ตัวนี้เลยค่ะ ด้วยส่วนผสมของน้ำมันจากธรรมชาติถึง 6 ตัว ที่ให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้น ช่วยบำรุงริมฝีปาก ไม่ให้แห้งหรือลอกเป็นขุย เนื้อของเค้าจะออกเป็นน้ำเหลวๆ ได้Finished look เป็นธรรมชาติ เหมาะกับใครที่ชอบแต่งหน้าแนวธรรมชาติเผลอๆ เนื้อลิปเป็นแบบซาติน มีความบางเบา เกลี่ยง่าย มีเม็ดสีที่ชัดและติดทนสุดๆไปเลยค่ะ! เพียงทาทินท์แค่นิดเดียวก็สามารถเกลี่ยได้ทั้งปากแล้ว แถมยังมีกลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆ เพิ่มความหวาน สดใส แค่คิดก็ได้กลิ่นหอมเหมือนเดินในทุ่งดอกไม้แล้วล่ะค่ะ เป็นไอเทมที่ต้องมีแล้วจริงๆ
- ให้ความชุ่มชื้นแก้ริมฝีปาก ไม่แห้ง
- เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย
- สีชัด ติดทน
- มีเฉดสีให้เลือกน้อย
จุดเด่น | ผสมน้ำมันจากธรรมชาติ 6 ตัว ให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้น |
ปริมาณ | 3g |
เฉดสี | 5 เฉดสี |
เนื้อลิปทินท์ | เนื้อน้ำ |
5. 3CE Smoothing Lip Tint รีวิว
อยากได้ความนุ่มละมุนแบบสาวเกาหลี ต้องทินท์ตัวไหนดี ของ 3CE Smoothing Lip Tint ตัวนี้เลยค่ะ น้องเค้าเป็นลิปทินต์เนื้อแมทที่ดูเรียบเนียนดุจกำมะหยี่ เนื้อนุ่ม เม็ดสีที่แน่นคมชัดและยังติดทนอีกด้วย สีของน้องเค้าจะออกแนวสวยสดใสสไตล์เกาหลี เหมาะกับคนที่ชอบโทนสีแบบธรรมชาติ มีให้เลือกหลายเฉด โดยสีของลิปจะแนบสนิทกับปากเป็นเนื้อเดียวกัน ให้สัมผัสที่ดูเรียบลื่นบางเบาเป็นธรรมชาติสุดๆไปเลยค่ะ สายเกาพลาดไม่ได้แล้ววว หากใครที่กังวลว่าททาแล้วริมฝีปากจะแห้ง พี่รัศมีแนะนำว่าทาลิปบาล์มบางๆลงไปบนริมฝีปากก่อน แล้วตามด้วยลิปทินท์แมท ก็จะทำให้ปากเราไม่ลอกเป็นขุยแล้วค่ะ
- เม็ดสีชัด
- เนื้อนุ่ม แนบสนิทไปกับริมฝีปาก
- บางเบาดูเป็นธรรมชาติ
- เป็นคราบเล็กน้อยระหว่างวัน
จุดเด่น | ลิปทินต์เนื้อแมท เม็ดสีแน่นคมชัดและติดทน |
ปริมาณ | 4g |
เฉดสี | 5 เฉดสี |
เนื้อลิปทินท์ | เนื้อแมท-กำมะหยี่ |
6. LILYBYRED Glassy Layer Fixing Tint รีวิว
ใครที่อยากได้ลุคฉ่ำวาว พลาดไม่ได้เลยกับ LILYBYRED Glassy Layer Fixing Tint ตัวนี้ค่ะ น้องเค้าเป็นทินท์เนื้อกลอสกึ่งน้ำที่พอทาแล้วให้ความฉ่ำวาวแบบสุด แถมยังกันน้ำอีกด้วยนะคะ ความติดทนถือว่าดีเลย หลังทานอาหารความวาวอาจหลุดไปบ้าง แต่สีลิปจะยังติดอยู่ค่ะ ถึงจะเป็นกลอส แต่น้องเค้าไม่เหนียวเหนอะหนะนะคะ เนื้อบางเบามากๆ แถมยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากด้วยกรดไฮยาลูรอน น้ำมันโจโจบา และน้ำผึ้งอีกด้วย บำรุงริมฝีปากไม่ให้แห้งระหว่างวัน พี่รัศมีเชียร์ให้ไปตำกันเลยค่ะ
- บำรุงริมฝีปากให้นุ่มชุ่มชื่น
- เนื้อบางเบา ไม่เหนอะหนะ
- ติดทน ไม่ติดแมสก์
- บางเฉดสีหาซื้อยาก
จุดเด่น | บางเบา ไม่เหนอะหนะ กันน้ำ ติดทน เพิ่มความชุ่มชื้น |
ปริมาณ | 3.8g |
เฉดสี | 13 เฉดสี |
เนื้อลิปทินท์ | เนื้อกลอสกึ่งน้ำ |
7. Holika Holika Waterdrop Tint Bomb รีวิว
Liptint จากเกาหลีในตำนาน ไม่พูดถึงไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ความน่ารักของน้องเค้าคือ ทินท์เป็นแท่งรูปทรงหยดน้ำ ซึ่งประกอบด้วยน้ำแร่เจจูมากถึง 40% พร้อมด้วยสารสกัดจากเมล็ดองุ่น มะละกอ และน้ำผึ้ง ให้ความชุ่มชื้นบนริมฝีปาก เมื่อทาแล้วจะให้ความรู้สึกเหมือนมีน้ำกระจายแตกออกบนริมฝีปาก มีความบางเบา แล้วให้สีที่ชัด โทนสีสดใส ติดทนมากๆเลยล่ะค่ะ พี่รัศมีแนะนำว่าเป็นหนึ่งไอเทมของลิปทินท์ตัวไหนดี ที่ควรมีเลยจริงๆ เหมาะกับสาวๆที่ชอบลูกเล่นในเครื่องสำอางค์
- เนื้อบางเบา
- สีชัด ติดทน
- ให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปาก
- บำรุงริมฝีปาก ไม่ทำให้ปากแห้ง
- เกลี่ยยากเล็กน้อย
จุดเด่น | เมื่อทาแล้วจะเหมือนน้ำกระจายบนปาก บางเบา มีสีที่ชัด ติดทน |
ปริมาณ | 2.5g |
เฉดสี | 5 เฉดสี |
เนื้อลิปทินท์ | แบบแท่ง แตกตัวเป็นน้ำ |
8. Bbia Glow Lip Tint รีวิว
ใครที่กำลังมองหาลิปทินท์ตัวไหนดีที่บางเบาสุดๆ Bbia Glow Lip Tint คือคำตอบค่ะ! ทางแบรนด์เค้าเคลมมาว่าเป็นเนื้อบางเบาที่สุดที่เคยมีมา ด้วยเนื้อสัมผัสแบบ Super Light เนื้อสีที่เป็นแบบซีทรู มีพิกเมนท์สีแวววาว สีติดทน โทนสีมอบความสดใส แถมเนื้อเทคเจอร์ฉ่ำเนียนเรียบไปบนริมฝีปาก ไม่ทิ้งขุยใดๆ บนริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากไม่แห้งระหว่างวัน มาพร้อมเม็ดสีที่แน่นชัด ติดแน่น ไม่จืดชืดไม่ดรอป ไม่ต้องคอยเติมบ่อยๆระหว่างวันเลยค่ะ! คุณสมบัติครบครันแบบนี้ ขายดิบขายดีจนรีสต็อคแทบไม่ทันกันเลยล่ะค่ะ ช้าไม่ได้นะ ต้องรีบไปตำกันแล้ววว
- เนื้อบางเบาที่สุดที่เคยมีมา
- มีความฉ่ำ ปากไม่แห้ง
- เม็ดสีแน่น ติดทน
- มีเฉดสีให้เลือกน้อย
จุดเด่น | เนื้อซีทรูบางเบา เม็ดสีแน่น |
ปริมาณ | 3.2g |
เฉดสี | 5 เฉดสี |
เนื้อลิปทินท์ | เนื้อซีทรู |
9. SASI Sugar Rush Lip Tint รีวิว
ปิดท้ายกันที่ลิปทินท์ตัวไหนดีแบรนด์ไทยกันค่ะ กับ SASI Sugar Rush Lip Tint ลิปทิ้นท์เนื้อน้ำฉ่ำๆ ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มฉ่ำให้ริมฝีปาก มีสีที่ติดทน ทาง่าย เกลี่ยง่ายบนริมฝีปาก เรียบเนียนแบบเคลือบแนบสนิทไปกับริมฝีปากเลยทีเดียว และยังมี Oil-based coating technology ที่ทำให้รู้สึกเบาสบาย ไม่เหนียวเหนอะหนะ และติดทน นอกจากนั้นยังมีส่วนผสมของโอลีฟออยล์ โจโจบาออยล์ วิตามิน E และสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ช่วยบำรุงให้ริมฝีปากดูชุ่มฉ่ำไม่แห้งกร้าน มาพร้อมกับกลิ่นหอมจากผลไม้ด้วยนะคะ คุณสมบัติมากมายขนาดนี้ แบรนด์ไทยไม่แพ้ใครเลยจริงๆ พี่รัศมีแนะนำเลยค่ะ
- บำรุงให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้น
- สีชัด ทาง่าย
- บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ
- อาจต้องเติมระหว่างวันบ้าง
- มีเฉดสีให้เลือกน้อย
จุดเด่น | เพิ่มความชุ่มฉ่ำให้ริมฝีปาก สีชัด ทาง่าย |
ปริมาณ | 3g |
เฉดสี | 5 เฉดสี |
เนื้อลิปทินท์ | เนื้อน้ำ |
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 9 ลิปทินท์ตัวไหนดี สีชัด ติดทน ที่พี่รัศมีนำมาแนะนำให้สาวๆกัน แต่ละตัวน่าตำกันทั้งนั้นเลยใช่มั้ยล่ะ เมื่อสาวๆตัดสินใจเลือกซื้อทินท์มาไว้ในคลังไอเทมเสริมความงามแล้ว พี่รัศมีก็มีทริคเล็กๆน้อยๆกับวิธีการทาทินท์ให้ติดทนมาให้สาวๆได้อ่านกันด้วยค่ะ
วิธีการทาลิปทินท์ ทายังไงให้ติดทนนาน
1. ทำความสะอาดริมฝีปาก และเช็ดให้แห้ง
2. ทาลิปบาล์มเพื่อบำรุงริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้นให้ปากดูอวบอิ่ม ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วค่อยเช็ดออก
3. ทาโดยค่อยๆไล่สี
4. เม้มปากเพื่อการเบลนด์ให้เท่ากันทั้งบนและล่างเล็กน้อย
5. เติมทินท์เพิ่มเติม ตามลุคที่อยากได้
6. รอลิปเซตตัวประมาณ 20-30 วินาที
7. เม้มปากบนทิชชู่เพื่อนำลิปส่วนเกินออก
การทาทินท์เนี่ย สามารถทาให้ทั่วทั้งปากแบบ เต็มปาก หรือ Full coverage หรือว่าจะทาแบบเกลี่ยไล่สีปากแบบ Ombré Lips ก็ได้เช่นกันค่ะ
การทาลิปทินท์แบบ Ombré Lips
การทาลิปทินท์แบบ Ombré Lips สายเกาหลี สวยใส ธรรมชาติสุดๆ
การทาลิปแบบ Ombré สายเกาหลี คือทาไล่ความชัดของสีบนริมฝีปาก จากด้านในมาด้านนอกนั่นเองค่ะ โดยเริ่มลงสีจากด้านในของปากแล้วใช้นิ้วเกลี่ยออกมายังขอบปาก แค่นี้ก็จะได้ลุคสายเกา ดูเป็นธรรมชาติสุดๆไปเลยล่ะค่ะ
การทาลิปทินท์แบบ Ombré Lips สายฝอ สวยแซ่บ เซ็กซี่สุดๆ
การทาลิปแบบ Ombré สายฝอ คือทาไล่ความชัดของสี จากด้านนอกมาด้านในนั่นเองค่ะ โดยเริ่มลงสีจากตรงขอบปากแล้วใช้นิ้วเกลี่ยเข้ามาด้านในของริมฝีปาก เพิ่มเติมด้วยการเขียนขอบปากด้วยลิปไลเนอร์ เพิ่มความเซ็กซี่เข้าไปอีกนั่นเองค่ะ
ส่งท้ายบทความ 9 ลิปทินท์ ยี่ห้อไหนดี
ทินท์ ถือว่าเป็นหนึ่งในไอเทมที่คุ้มค่าต่อการซื้อมาใช้มากๆเลยล่ะค่ะ เพราะสามารถสร้างสรรค์ได้หลายลุค และยังมีความติดทนมากกว่าลิปประเภทอื่นๆอีกด้วย เป็น Must have ไอเทมเลยจริงๆ สำหรับใครที่อยากทำความรู้จักเจ้าทินท์มากขึ้นกว่านี้ พี่รัศมีก็มีบทความ 5 เหตุผลที่ควรใช้ลิปทิ้นท์ ไอเทมที่สาวๆไม่ควรพลาด! มาให้ทุกคนได้ลองอ่านกันด้วยนะคะ ไว้เจอกันบทความหน้าจ้าาา
คำถามที่พบบ่อย
1. ลิปทินท์ต่างจากลิปสเตนอย่างไร
ลิปทินท์ต่างจากลิปสเตนด้วยคุณสมบัติบางประการค่ะ ลิปสเตนเป็นลิปที่มีเม็ดสีชัดกว่า ปกปิดและติดทนนานกว่า แต่ก็ต้องระวังในการทา เพราะค่อนข้างจะแห้งเร็ว ทำให้เกลี่ยยาก ส่วนลิปทินท์จะให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า เกลี่ยง่าย แต่ติดทนได้ไม่เท่าลิปสเตนนั่นเอง
2. ลิปทิ้นท์ติดทนนานกี่ชั่วโมง
ลิปทินท์ติดทนนานประมาณ 3-6 ชั่วโมงค่ะ ขึ้นอยู่กับสูตรของลิปทินท์แต่ละยี่ห้อ ลิปทินท์บางตัวก็เคลมว่าสามารถติดทนนานได้ถึง 10 ชั่วโมงก็มีนะคะ ทั้งนี้อยู่ที่วิธีการทา และการใช้ชีวิตประจำวันของเราด้วยค่ะ
3. ลิปทินท์ปกปิดได้ดีมั้ย
ลิปทินท์สามารถปกปิดได้ดี พอประมาณค่ะ ขึ้นอยู่กับความชัดของเม็ดสีของลิปทินท์แต่ละตัว แต่ความปกปิดของลิปทินท์จะไม่เท่าลิปสเตน ที่ให้การปกปิดได้ดีกว่าค่ะ
4. สามารถทาลิปทิ้นท์ใต้ลิปสติกได้มั้ย
สามารถทาลิปทิ้นต์ใต้ลิปสติกได้แน่นอนค่ะ เพื่อเพิ่มสีสันที่ละเอียดอ่อนและให้สีลิปสติกยังคงทนอยู่ได้นาน
5. ลบลิปทินท์ออกจากริมฝีปากยังไงดี
ลิปทินต์สามารถลบออกได้โดยใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือไมเซลลาร์วอเตอร์ หยดผลิตภัณฑ์ลงบนสำลีแล้วเช็ดเบาๆ ให้ทั่วริมฝีปากจนกว่าสีจะออกหมด