- ปรับปรุงล่าสุด 21/11/2023
ใครที่เคยต่อสู้กับปัญหาสิว รอยแดง หรือปัญหาผิวหน้าอื่นๆ อาจจะต้องเคยพบเห็นหรือผ่านตาคำว่า “กรดซาลิไซลิก” บนป้ายกำกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหลายๆประเภทมาบ้างใช่มั้ยคะ เพราะว่าเป็นกรดที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมานานหลายศตวรรษเลยก็ว่าได้ค่ะ มีชื่อเสียงในเรื่องของประสิทธิภาพในการรักษาปัญหาผิวหลากหลายด้าน แล้วถ้าใครมีความสนใจกรดซาลิไซลิกที่มีชื่อเสียงตัวนี้หรือสงสัยว่ามันเป็นยังไง พี่รัศมีจะมาไขความกระจ่างให้ค่ะ
ในบทความนี้พี่รัศมีจะลงลึกเกี่ยวกับกรดซาลิไซลิก ประโยชน์ การนำมาใช้ และข้อควรระวังของการใช้กรดซาลิไซลิก จะเป็นยังไงบ้างไปดูกันเลยยยยย
Salicylic acid (กรดซาลิไซลิก) คืออะไร
เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิว มีกรดอยู่ 2 ประเภทที่เรามักพบบ่อยๆค่ะ คือ
1. กรดเบต้าไฮดรอกซี (BHA)
2. กรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA)
ซึ่งกรดซาลิไซลิก คือกรด BHA ชนิดหนึ่ง ที่ได้มาจากเปลือกต้นวิลโลว์ เป็นกรดที่ละลายในน้ำมันได้ดีมาก จึงสามารถแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขนของผิวหนังได้และยังช่วยผลัดเซลล์ผิวอีกด้วยค่ะ ทำให้มักถูกใช้เป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสิวหลายตัวซึ่งช่วยเปิดรูขุมขนที่อุดตันให้สามารถทำความสะอาดได้ดีขึ้นและสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน
คุณสมบัติของกรดซาลิไซลิก:
1. ช่วยลดการอักเสบ
2. ลดรอยแดง
3. ต้านเชื้อจุลินทรีย์
4. รักษาสภาพผิวอื่นๆ อย่าง โรคสะเก็ดเงิน ผิวหนังอักเสบจากไขมัน และ รังแค
ประโยชน์ของกรดซาลิไซลิกสำหรับผิวหน้า
1.รักษาปัญหาสิวและสิวอักเสบ
กรดซาลิไซลิกเป็นส่วนผสมที่มีประโยชน์ในการรักษาปัญหาสิวและอาการอักเสบบนผิวค่ะ มันช่วยลดอาการอักเสบ บวม และแดงที่เกี่ยวกับสิวและสิวอักเสบ เพราะคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าแทนด้วยเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ลดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายในรูขุมของผิวหน้า จึงไม่มีเซลล์ผิวที่ตายแล้วและคราบไขมันสะสมอยู๋ จึงช่วยลดปัญหาสิวและสิวอักเสบได้และลดการเกิดสิวหัวดำอีกด้วยค่ะ
2.ลดการอักเสบ
กรดซาลิซิลิกมีคุณสมบัติที่ช่วยลดอาการอักเสบของผิวหน้าค่ะ โดยมันช่วยลดการบวมและความแดงของจุดสิว และช่วยบรรเทาอาการคันและระคายเคืองที่เกิดขึ้นจากการอักเสบ เป็นผลมาจากความสามารถในการลดการระคายเคืองและการผลัดเซลล์ผิวเก่าออกแทนด้วยเซลล์ผิวใหม่ทำให้รูขุมขนไม่อุดตันและไม่ก่อให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง ผิวดูเรียบเนียนและไม่มีอาการแดงหรือบวม ผิวหน้าของเราจะดูสดชื่นและแจ่มใสมากขึ้นค่ะ
3.ช่วยเพิ่มการผลัดเซลล์
การใช้กรดซาลิซิลิคส่งผลให้ผิวมีการผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไปแทนด้วยเซลล์ผิวใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยกรดซาลิไซลิคจะช่วยกระตุ้นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวของผิวหน้าเราให้เกิดมากขึ้นค่ะ เป็นการช่วยล้างสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวเก่าที่เสียไปออกจากผิวหน้าของเรา ทำให้ผิวหน้ามีความสดชื่น เรียบเนียน ดูสดใสและกระจ่างใสมากขึ้นค่ะ
4.ช่วยลดรอยแดงและการระคายเคืองของผิวแพ้ง่าย
กรดซาลิไซลิกมีคุณสมบัติที่ช่วยลดรอยแดงและการระคายเคืองของผิวที่แพ้ง่ายได้ค่ะ คุณสมบัตินี้เกิดจากความสามารถในการลดการอักเสบบนผิวหน้า และยังช่วยละลายสิ่งสกปรกและคอลลาเจนของผิวที่อาจส่งผลให้เกิดการแพ้และระคายเคืองได้ ทำให้รอยแดงที่เกิดจากการอักเสบและผิวแพ้อาจลดลง ผิวหน้าของเราจะดูเรียบเนียน และกระจ่างใสมากขึ้นค่ะ
5.ช่วยกระชับรูขุมขน
กรดซาลิซิลิกสามารถช่วยกระชับรูขุมขนบนผิวหน้าของเราได้ค่ะ มันทำงานโดยละลายคอลลาเจนและความหนาแน่นของผิวหนัง ทำให้ผิวของเราดูกระชับขึ้น การกระชับรูขุมขนยังช่วยให้ผิวดูมีความยืดหยุ่นน้อยลง และลดโอกาสในการเกิดริ้วรอยได้อย่างดีมากอีกด้วยค่ะ ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน แต่การใช้กรดซาลิไซลิกในการกระชับรูขุมขนอาจจะต้องใช้เวลานานและความสม่ำเสมอในการใช้
วิธีการใช้กรดซาลิไซลิก
1.ทำความสะอาดผิว
ก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมกรดซาลิไซลิกใดๆก็ตาม ครวเริ่มด้วยการทำให้ผิวหน้าสะอาดก่อนเสมอค่ะ ควรทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำที่อุ่นอย่างอ่อนโยน และใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิว หรือเลือกใช้ตามใน รวม 11 โฟมล้างหน้าเกาหลี ยี่ห้อไหนดี หน้าใส ผิวสะอาด เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและความมันบนผิวหน้าของเรา การทำความสะอาดผิวหน้าเป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญมากๆค่ะ เพราะเป็นการเตรียมผิวหน้า ช่วยเปิดรูขุมขนให้พร้อมรับการดูแลนั้นเองค่ะ
2.ใช้ผลิตภัณฑ์ของกรดซาลิไซลิก
หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อเตรียมเสร็จแล้ว สามารถเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกได้เลยค่ะ แต่ควรใช้ในปริมาณความเข้มข้นที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของเรา ทาบริเวณที่ต้องการการดูแล เช่น ทาบริเวณสิวหรือบริเวณผิวหน้าที่เรามีปัญหาอยู่ สามารถทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกได้ด้วยนิ้วมือของเราเองหรือใช่เครื่องมืออื่นๆในการช่วยทาก็ได้กันค่ะ
3.รอเวลาดูดซึม
เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ทีมีส่วนผสมกรดซาลิไซลิกแล้ว ควรให้เวลากรดซาลิไซลิกดูดซึม เพื่อให้กรดซาลิไซลิกทำงานได้อย่างเต็มที่บนผิวค่ะ ควรให้เวลาดูดซึมเวลาสั้นๆ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้หรือใช้เวลานานเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวหน้าของเรามีอาการผิวแสบร้อน อาการแพ้ ผิวแห้งหรืออาการระคายเคืองได้ค่ะ เวลาของดูดซึมผลิตภัณฑ์ทีมีส่วนผสมกรดซาลิไซลิกเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราต้องระมัดระวังให้ดีเลยค่ะ
4.ล้างออกให้สะอาด
หลังจากที่รอเวลาในการดูดซึมจากการใช้ผลิตภัณฑ์ทีมีส่วนผสมกรดซาลิไซลิกไปบนผิวหน้าเสร็จแล้ว ควรล้างออกด้วยน้ำสะอาดค่ะ จะเป็นน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นก็ได้ตามที่เราสะดวก การล้างหน้านี้จะช่วยให้กรดซาลิไซลิกถูกนำออกจากผิวหน้าของเราค่ะ เพื่อป้องกันผิวบนใบหน้าแห้ง และลดความเสี่ยงของการเกิดการระคายเคืองบนผิวหน้าของเราค่ะ
5.การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
การใช้ผลิตภัณฑ์ทีมีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกอาจทำให้ผิวหน้าของเรามีความแห้งเพิ่มขึ้นได้ค่ะ ดังนั้นแล้ว หลังจากที่เราล้างผลิตภัณฑ์ทีมีส่วนผสมกรดซาลิไซลิกบนผิวหน้าของเราออกเสร็จแล้ว ควรตามด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นของผิวหน้าค่ะ และต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมตามสภาพผิวของเราเอง สามารถใช้เป็นครีมหรือเซรั่มบำรุงผิวก้ได้ค่ะ เช่น การเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวโดยการ ANUA Birch 70% Moisture Boosting Serum
6.การป้องกันผิวจากแสงแดด
การใช้ผลิตภัณฑ์ทีมีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกอาจทำให้ผิวหน้าของเรามีความไวต่อแสงแดดมากขึ้นค่ะ ควรใช้ครีมกันแดดที่มีความเหมาะสมกับสภาพผิวหน้าเมื่อออกจากบ้าน เช่น ครีมกันแดดที่มี SPF 30 หรือสูงกว่า เพื่อปกป้องผิวหน้าของเราจากอาการผิวแดง การระคายเคือง ผลกระทบที่อันตรายของรังสี UV หรือความเสี่ยงอื่นๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นแล้วการใช้ครีมกันแดดเป็นการป้องกันที่สำคัญมากๆเราไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ
ข้อควรระวังการใช้กรดซาลิไซลิก
กรดซาลิไซลิกมีประโยชน์หลายอย่างในการช่วยดูแลผิวหรือการแก้ปัญหาผิวหน้าที่เรากำลังเผชิญอยู่ มันถูกใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์หลายๆตัว แต่การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกนั้น เราต้องมีความระมัดระวังในการใช้อย่างมาก เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับผิวหน้าของเราได้ค่ะ และนี่คือข้อควรระวังที่พี่รัศมีอยากมาบอกให้ทุกคนได้รู้กันไว้ค่ะ
1.อาการแพ้และการระคายเคือง
การใช้กรดซาลิไซลิกบนผิวหน้าของเราอาจเกิดประโยชน์ต่อผิวหน้าก็จริง แต่เราควรระวังการเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองด้วยค่ะ เพื่อป้องการแพ้ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ต้องทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกบนพื้นที่เล็กๆบนผิวก่อนที่จะนำมาใช้จริง เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการแพ้หรือระคายเคืองหรือไม่ ถ้ามีอาการอะไรเลย สามารถนำมาใช้กับผิวหน้าของเราได้เลยค่ะ
2.ผิวไวต่อแสงแดด
เมื่อใช้กรดซาลิไซลิกบนผิวหน้า ควรระมัดระวังเรื่องการระคายเคืองจากแสงแดดค่ะ เพราะกรดซาลิไซลิกอาจทำให้ผิวของเรามีความไวต่อรังสี UV และเพิ่มความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับผิวหน้า ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเจอกับแสงแดดโดยตรง การออกนอกบ้านแดดในช่วงเวลากลางวันที่มีแดดร้อน หรือใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงๆ เช่น ครีมกันแดด Innisfree Intensive Long-lasting Sunscreen SPF50+ PA+++ และใช้อุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ เช่น หมวกกันแดดและแว่นกันแดด เพื่อปกป้องผิวจากรังสีอันตรายนั้นเองค่ะ
3.การใช้กับผิวแตกหรือมีแผล
ควรระมัดระวังอย่างมากเมื่อใช้กรดซาลิไซลิกบนผิวที่แตกหรือมีแผลอยู่ เพราะการใช้กรดซาลิไซลิกบนบริเวณเหล่านี้ อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือแสบร้อนได้ค่ะ ดังนั้นแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการใช้บริเวณที่มีแผล หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะใช้กรดซาลิไซลิก เพื่อป้องกันปัญหา และป้องกันความสี่ยงที่อาจจะเกิดกับผิวของเราได้ ความปลอดภัยของผิวหน้าสำคัญมากทุกคนควรดูแลและใส่ใจให้มากๆนะคะ
4.ปริมาณที่ใช้
เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก ต้องระมัดระวังอย่างมากกับปริมาณที่ใช้ค่ะ เพราะการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง การแพ้ และผิวแสบร้อนได้ค่ะ เราควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เริ่มต้นด้วยปริมาณน้อยๆแล้วค่อยเพิ่มปริมาณให้มากขึ้นตามลำดับ เพื่อความปลอดภัยของผิวหน้าเราเองค่ะ
5.ผิวแพ้หรือผิวแห้ง
เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกกับผิวที่แพ้ง่ายหรือผิวแห้งควรระมัดระวังอย่างมากเนื่องจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ เพราะกรดซาลิไซลิกอาจทำให้เกิดการระคาย อาการแพ้หรือผิวแห้งมากขึ้นได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการเหล่านี้ ควรทดลองใช้ในบริเวณผิวเล็กๆก่อนใช้จริง ถ้าเกิดอาการระคายเคืองหรืออาการแพ้ควรหยุดใช้ทันทีค่ะ และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เน้นให้ความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นที่อาจจะเสียไปกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกอยู่ค่ะ
6.การใช้เป็นระยะเวลายาวนาน
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกเป็นระยะเวลายาวนานเกินไปหรือทาทิ้งไว้บนผิวหน้าข้ามวันอาจทำให้ผิวหน้าของเราเกิดความเสียหายได้ค่ะ เช่น ผิวหน้าแห้ง หรืออาการแสบร้อน ควรใช้เวลาที่เหมาะสม ไม่ทิ้งใว้นานเกินไปจนเกิดอาการระคายเคืองที่รุนแรง ระยะเวลาในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกต้องกการการใส่ใจอย่างมาก ต้องจับเวลาการใช้ให้ดีห้ามเกินเด็ดขาดเลยค่ะ
สรุปบทความ ทำความรู้จักกับ Salicylic Acid คืออะไร และช่วยอะไรบ้าง?
เห็นได้เลยนะคะ ว่ากรดซาลิซิลิคเป็นสารสำคัญที่มีคุณค่ามากๆในการดูแลผิวหน้าของเรา ประโยชน์เยอะจริงๆเลยตัวนี้ ประโยชน์ที่เยอะมากแบบนี้ก็ต้องเป็นเพราะคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว ที่ช่วยลดปัญหาสิวและสิวอักเสบ ทำให้ผิวหน้าของเราดีขึ้นมากๆและยังกระซับรูขุมของผิวหน้าอีกด้วยค่ะ ทำให้ผิวหน้าของเราดูสดใสและมีความแจ่มใสมากขึ้นไปอีกกก
ถึงมีประโยชน์ที่น่าสนใจแบบนี้ก็ต้องระมัดระวังในการใช้ด้วยนะ จะใช้ทีเดียวเยอะๆไม่ได้เด็ดขาด! พี่รัศมีเข้าในทุกคนนะคะว่าอยากให้ผิวของตังเองดูดีขึ้นแบบเร็วๆให้ทันใจ แต่การรักษาหรือแก้ปัญหาผิวหน้าที่กำลังเผชิญเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราต้องค่อยเป็นค่อยไป ใส่ใจให้มากๆค่ะ เพื่อผิวหน้าของเราให้ความสำคัญให้มากๆเพราะด้วยความเป็นกรดหากใช้ในประมาณที่เยอะเกินก็จะเกิดการระคายเคืองได้ ควรเช็คดูว่าเราควรใช้กี่ % สำหรับดูแลใบหน้า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดนั่นเอง ไว้เจอกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ
คำถามที่พบบ่อย
สามารถใช้กรดซาลิไซลิคทุกวันได้หรือไม่?
สามารถใช้กรดซาลิไซลิคทุกวันได้ค่ะ แต่ควรเริ่มต้นด้วยการใช้น้อยลงและสังเกตว่าผิวตอบสนองยังไง การใช้ทุกวันอาจเหมาะสำหรับบางคนเท่านั้นค่ะ
สามารถใช้กรดซาลิไซลิกร่วมกับวิตามินซีได้หรือไม่?
สามารถใช้กรดซาลิไซลิกร่วมกับวิตามินซีได้ค่ะ แต่ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาผิวหนังหรือปฏิกิริยาระหว่างสองสารที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ ยิ่งอาจจะทำให้ผิวรัคายเคืองมาขึ้น
กรดซาลิไซลิคสามารถลบรอยแผลได้ไหม?
กรดซาลิไซลิคสามารถลบรอยแผลได้ค่ะ แต่ใช่ได้กับแผลบางชนิดเท่านั้น เพราะกรดซาลิไซลิคมีคุณสมบัติในการผลัดผิวสามารถช่วยปรับปรุงรูปร่างของรอยแผลบางชนิดได้ตามระยะเวลาค่ะ
ยิ่งความเข้มข้นของกรดซาลิไซลิคสูงยิ่งดีกว่าใช่หรือไม่?
ยิ่งความเข้มข้นของกรดซาลิไซลิคสูงไม่ได้หมายความว่าจะดีกว่าค่ะ เพราะความเข้มข้นสูงอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ เราควรเลือกความเข้มข้นที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเราค่ะ